จากกรณีนายวีรโชติ สุทธิกุล ถูกตำรวจปราบปรามยาเสพติดจับ ในข้อหา ส่งพัสดุที่มีเสพติดจำนวนมากไปจังหวัดสุราษฎร์ธานี ทำให้นายวีรโชติ ต้องถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำทันที ต่อมาเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2564 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำภรรยาและแม่ของนายวีรโชติ สุทธิกุล เข้าร้องขอความช่วยเหลือต่อกระทรวงยุติธรรม เพราะพบหลักฐานว่านายวีรโชติ ไม่ได้เป็นคนส่งยาเสพติด จึงยื่นขอเงินจากกองทุนยุติธรรม จำนวน 2 ล้านบาท เพื่อใช้ในการยื่นขอประกันตัวออกมาต่อสู้คดี แต่ถูกคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากมีโทษสูงถึงประหารชีวิต 

พฤติกรรมในคดีคือ เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2563 ตำรวจปราบปรามยาเสพติด สามารถยึดพัสดุที่ซุกซ่อนไอซ์ 2 กิโลกรัม และยาบ้า 2 แสนเม็ด ที่ซุกซ่อนอยู่ในลำโพง ระบุปลายทางที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อตรวจสอบพบว่าต้นทางถูกส่งมาจากอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2563 มีผู้ใช้เลขบัตรประชาชน และชื่อนายวีรโชติ สุทธิกุล” เป็นผู้ส่งผ่านบริษัทขนส่งเอกชน ต่อมาในเดือนกรกฎาคม ตำรวจจึงได้ขอศาลออกหมายจับ จากนั้นในเดือนสิงหาคม นายวีรโชติ สุทธิกุล จึงได้นำหลักฐานเป็นบันทึกการแสกนนิ้วมือเข้าทำงาน พร้อมกล้องวงจรปิด ในวันทำงานที่ 11 พฤษภาคม 2563 เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดดังกล่าว แต่ในวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา อัยการกลับมีการสั่งฟ้อง และควบคุมตัวนายวีรโชติ เข้าเรือนจำทันที 

ล่าสุด วันที่ 24 ม.ค.66 ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้องนายวีรโชติ สุทธิกุล ในความผิดฐาน "สมคบฯ และ ได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต" 

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ในสิ่งที่เรารอคอยมาเกือบ 2 ปี  ในการช่วยเหลือแพะวีรโชติ วันนี้ศาลมีคำสั่งยกฟ้อง ให้ปล่อยตัววันนี้เลย เนื่องจากพยานที่ให้การปรักปรำนายวีรโชติเป็นพยานเท็จตั้งแต่ต้น เพราะมันเป็นไปไม่ได้เลยที่นายวีรโชติ จะไปส่งยาที่จังหวัดเชียงราย เรามีหลักฐานชัดเจนว่า ขณะเกิดเหตุนายวีรโชติ ทำงานอยู่ในกรุงเทพ ส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมดทางชมรมเป็นคนจ่ายให้ทุกอย่าง วันนี้ต้องขอบคุณคณะท่านผู้พิพากษาที่คืนความเป็นธรรมให้กับนายวีรโชติ หลังจากนี้ จะเดินทางไปเรียกร้องเงินเยียวยาจากการติดคุกฟรีเกือบ 2 ปี ที่กระทรวงยุติธรรม และต้องดูว่าอัยการจะอุทธรณ์คดีไหม ถ้าอุทธรณ์เราก็พร้อมสู้ต่อ การที่จะเอาคนบริสุทธิ์ไปประหารชีวิต โดยไม่มีหลักฐานเพียงพอ พนักงานสอบสวนต้องใช้ดุลพินิจในการตรวจสอบให้มากกว่านี้  

ด้านนางสาวพรวารี มณีสาย แม่นายวีรโชติ พูดทั้งน้ำตาว่า ครอบครัวของลูกต้องพังหมด ลูกคือเสาหลักเป็นคนดูแลครอบครัวทั้งหมด อยากฝากให้กระบวนการยุติธรรม สืบให้ดีก่อนที่จะจับใคร ลูกตนเองไม่ได้เป็นเด็กดื้อเลย เป็นเด็กดีรักครอบครัว