‘บิ๊กโจ๊ก’ เดินหน้าสางปมปัญหาที่ดินเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล ทั้งระบบ พบบุกรุกที่ดินรัฐ 2 จุด กรมอุทยานฯฟ้องทันทีเอาผิดคดีอาญา  สัปดาห์หน้าลุยต่อพื้นที่ตามคำพิพากษาศาลฎีกา 15 แห่ง


หลังสำนักนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงคดีพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล   เกาะหลีเป๊ะ  จังหวัดสตูล  โดยมอบหมายให้พลตำรวจเอก  สุรเชษฐ์   หักพาล   รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ   เป็นประธานกรรมการ  แก้ไขปัญหาข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล  โดยกำหนดการเดินทางไปตรวจสอบพื้นที่เกาะหลีเป๊ะในจังหวัดสตูลเพื่อรับทราบข้อมูลที่เป็นประโยชน์   

โดยวันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม 2566 เป็นการประชุมคณะทำงานนัดแรก ที่ห้องประชุมโรงเรียนบ้านเกาะหลีเป๊ะ  ต.เกาะสาหร่าย อ.เมืองสตูล โดยมีหลายฝ่ายเกี่ยวข้องอาทิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี  รองปลัดกระทรวงมหาดไทย  รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  อธิบดีกรมการปกครอง  อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง  อธิบดีกรมที่ดิน  อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ  อธิบดีอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช  “แก้ไขปัญหาข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล  เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล” 

 

หลังจากนั้นคณะได้เดินตรวจสอบและให้มีการชี้แนวเขต   พื้นที่ข้อพิพาท นส.3 เลขที่ 11 เนื้อที่ประมาณ 80 ไร่ ซึ่งเป็นที่ตั้งเดียวกับโรงเรียนบ้านเกาะหลีเป๊ะ , พื้นที่พิพาทที่มีการปิดถนน และพื้นที่ตามคำพิพากษาศาลฎีกา (ที่ 7051-7055/2562) พบว่ามีการรุกล้ำพื้นที่รัฐจริงบริเวณหัวเกาะ และจุดที่สองบริเวณสระว่ายน้ำ  

พลตำรวจเอก  สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานกรรมการ  กล่าวสรุปการลงพื้นที่ครั้งแรกในครั้งนี้ว่า จากการประชุมและลงพื้นที่ดูทั้งหมดโดยใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์โดยทางกรม DSI ได้ใช้เครื่องมือสอบสวนพิเศษ ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติได้สำรวจพื้นที่ไปหมดแล้ว พร้อมนำภาพถ่ายให้ผู้เชียวชาญนักกฎหมายดูไว้หมดแล้ว  แต่ว่าการที่จะดำเนินคดีอาญาเพื่อบังคับใช้กฎหมาย จะต้องเอาทุกส่วนมารวมกันนั่นก็คือกรมที่ดินกรมอุทยานแห่งชาติ และ DSI 

  วันนี้จากการรังวัด พบ 2 จุดแล้วในเบื้องต้น  ที่เป็นจุดรุกล้ำคือจุดบริเวณหัวเกาะและจุดของโรงแรมรวมถึงสระว่ายน้ำ  เราพบว่าสระว่ายน้ำมีการรุกล้ำที่ดินของกรมอุทยานแห่งชาติตะรุเตา และบริเวณหัวเกาะซึ่งบอกว่าเป็นส่วนที่งอก ได้พบความผิดว่าไม่ได้เป็นส่วนที่งอก  เป็นส่วนที่รุกล้ำที่ดินของรัฐก็คือของกรมอุทยานแห่งชาติ

 วันนี้ใน 2 จุดนี้จะดำเนินคดีทั้งหมดโดยกรมอุทยานแห่งชาติจะร้องทุกข์ดำเนินคดีเจ้าของพื้นที่ที่บุกรุก  วันนี้จะร้องทุกข์ดำเนินคดีอาญากับพนักงานสอบสวนท้องที่ภูธรจังหวัดสตูลส่วนใครเป็นเจ้าของจะมาดูอีกทีนึง


  หลังจากนี้จะออกไปสำรวจเพื่อยืนยันให้ตรงกันระหว่างกรมที่ดินกับกรมอุทยานแห่งชาติ ซึ่งทั้งหมดมี 8 จุด ซึ่งจะครอบคลุมทั้งหมดในส่วนที่มีข้อพิพาท จำนวน 80 ไร่ หากพบมีการกระทำความผิดเพิ่มเติม อีกกี่จุดก็จะดำเนินคดีต่อ  

  อีกหนึ่งพื้นที่คือบริเวณโรงเรียนเป็นของกรมธนารักษ์ โดยขณะนี้กำลังให้กรมธนารักษ์เอาเครื่องมือพิเศษมาไล่ตรวจอยู่ทั้ง 4 จุดซึ่งวันนี้ก็จะแล้วเสร็จและสามารถบอกได้เลยว่าใครบุกรุกใครความจริงก็จะปรากฏในส่วนของโรงเรียนในวันนี้

  ส่วนตัวได้รับคำสั่งจากนายกรัฐมนตรีในการแก้ปัญหาทั้งระบบที่ดินที่มีปัญหารวมถึงที่ดินที่ศาลพิพากษาแล้ว  ในสัปดาห์หน้าเชิญกรมบังคับคดีและกรมอุทยานแห่งชาติ มาไล่ชี้จุดเพื่อจะบังคับคดีให้ออกนอกพื้นที่โดยไม่ให้ทำกินในพื้นที่ในพื้นที่ที่ศาลพิพากษาแล้วซึ่งมีอยู่ 15 แห่ง

     ส่วนเรื่องคดีความต่าง ๆประมาณ 40 กว่าคดีความ หลังกลับไปจะนำมาไล่เรียงดูและมอบหมายเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องทั้งหมดว่าใครผิดใครถูกอย่างไร  จากการลงพื้นที่วันนี้ร่วมกับหลายหน่วยได้ความจริงมาในระดับหนึ่งนับว่ามากพอสมควร วันนี้ได้มีการบูรณาการกันทุกกรมขอให้พี่น้องชาวเล รวมถึงภาคธุรกิจไม่ต้องกังวลใจทุกส่วนจะได้ความเป็นธรรมและได้ความจริง หลังต้นเดินทางกลับคณะชุดทำงานก็ยังอยู่และสัปดาห์หน้าจะกลับมาใหม่เพื่อมาดูความก้าวหน้าสารบบเอกสารอยู่ที่กรุงเทพฯทั้งหมด  จะพยายามทำให้เร็วรอบคอบเป็นธรรมและเท่าเทียมกัน

     เมื่อได้ข้อสรุปชัดเจนก็จะส่งไปให้กรมที่ดินดำเนินการเนื่องจากเป็นมติ  ซึ่งไม่ต้องกังวลเรื่องเกียร์ว่างเนื่องจากได้บอกผู้แทนของทุกกรมแล้วว่าหากใครไม่ปฏิบัติตามกฎหมายก็ต้องถูก 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่  

ขั้นต่อไปของการดำเนินการ หลังพิสูจน์หลักแนวเขตที่ดินได้แล้วว่าใครบุกรุกใคร  พอหลักได้กระดุมเม็ดแรกจิกถูกมันก็จะเดินง่ายขึ้น จะเห็นความคืบหน้าคือจากเดิมไม่มีการดำเนินการในคดีอาญาแต่การมาครั้งนี้เพียงครึ่งวันก็จะเห็นการดำเนินคดีอาญา เห็นการแจ้งข้อกล่าวหา เรื่องบุกรุกที่ดินของรัฐ เมื่อรู้แล้วว่าใครเป็นเจ้าของที่แท้จริงหลังจากนี้ก็จะมีการไล่ต่อ  

     ส่วนพื้นที่ของรัฐที่ต้องจัดการในเรื่องของการบริหารน้ำลำรางไม่มี ปลัดอำเภอส่วนหน้าจะรีบตรวจสอบในเรื่องนี้ให้และรายงานในครั้งหน้า ถ้าเป็นการบุกรุกล้ำลำรางสาธารณะก็ต้องดำเนินคดีก็จะเหมือนกัน ได้ให้ทางอบต.และปลัดอำเภอดำเนินการแล้วโดยทางปลัดอำเภอได้รับปากแล้วว่าในสัปดาห์นี้จะส่งมาให้  ว่าอันไหนถูกอันไหนผิดอันไหนที่ไปทับลำรางสาธารณะต่าง ๆ
  
ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าไม่มีใครตรวจสอบแบบบูดเบี้ยว  เราได้มาสอบสวนแล้วและมีการประกอบด้วยหลักฐานหากตัวเขามาตรวจสอบแล้วไม่ถูกต้องและเป็นผู้กระทำความผิดเสียเองก็ต้องถูกดำเนินคดี  หากเจ้าหน้าที่รัฐคนไหนทำไม่ตรงไปตรงมา สุดท้ายก็ต้องไปจบที่คดีอาญา

“วันนี้พบว่าสิ่งสำคัญอยู่ที่กรมที่ดินเมื่อเรารวบรวมรายงานทั้งหมดของกรมที่ดิน ถ้ากรมที่ดินเพิกถอนก็จะคืนสภาพ ส่วนทางกรมที่ดินจะดำเนินการอย่างไรจะพูดคุยกันอีกครั้งหนึ่ง หากถามว่ายากไหมในการลงมาดำเนินการในครั้งนี้ตอบได้เลยว่าไม่ยาก  เพราะทุกอย่างมีหลักเกณฑ์และกฎหมายอยู่แล้ว มีขอบเขตอยู่แล้วตำรวจทำงานไม่ยากคณะทำงานชุดนี้ก็ไม่ยากเพราะมีกติกาอยู่  ในบ้านเมืองนี้มีขื่อมีแปต้องทำกฎหมายให้เป็นกฎหมายแค่นั้นเอง ในเรื่องนี้ไม่หนักใจเลย แต่ว่าจะไล่เรียงไป ซึ่งก็จะไล่เรียงไปเรื่อย ๆ เรื่องเสียภาษีโรงแรมอยู่บนเกาะเสียภาษีหรือไม่ หลบเลี่ยงภาษีหรือไม่ ภาษีที่ดินมีการชำระครบหรือไม่ จะได้เรียนไปได้ทั้งหมด  ภาษีจะกลับมาที่ไหนก็กลับมาที่พื้นถิ่นแห่งนี้ ซึ่งก็จะดำเนินการไปทั้งหมดเพื่อจะได้เกิดความมั่นคงของคนที่อาศัยบนเกาะนี้  เพราะเกาะนี้มีพื้นที่เพียง 1,200 ไร่ เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐลงมาตรวจทุกหน่วยก็จะเรียบร้อย” พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์   หักพาล   รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวในที่สุด