วันที่ 20 ม.ค.66 เวลา 17.30 น.นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษก กทม. ลงพื้นที่บริเวณซอยสุขุมวิท 4 (ซอยนานา) เขตวัฒนา เพื่อแก้ปัญหารถแท็กซี่และรถสามล้อจอดคอยผู้โดยสารกีดขวางการจราจร ซึ่งได้รับการร้องเรียนผ่านทราฟฟี่ ฟองดูว์ จำนวนมาก โดยระบุว่า มีแท็กซี่จอดในเวลากลางคืนรอผู้โดยสารขวางการจราจรถึง 3 เลน และเหลือทางจราจรเพียงเลนเดียว ทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก

ภายหลังลงพื้นที่ นายวิศณุ กล่าวว่า กทม.จะแก้ไขปัญหาโดยใช้กล้องวงจรปิดที่มีอยู่จับภาพรถและป้ายทะเบียนรถที่จอดขวางการจราจร โดยเชื่อมต่อข้อมูลภาพกับกรมการขนส่งทางบกและกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อออกใบเตือน และใบสั่งตามลำดับ นอกจากนี้ ยังมีแผนนำเทคโนโลยีซอฟต์แวร์จับเวลารถที่จอดค้างนาน โดยสามารถตรวจจับได้ว่ารถจอดนานกี่วินาที เป็นไปตามที่ กทม.กำหนดหรือไม่ ซึ่งเทคโนโลยีนี้มีการนำไปใช้แล้วที่กรุงโซล ประเทศเกาหลี ซึ่งใช้มาตรการ กฎ 5 นาที หมายถึงจอดได้ไม่เกิน 5 นาที หากระบบตรวจจับว่าจอดนิ่งเกินเวลาจะออกใบสั่งส่งตามไปภายหลังทันที ซึ่งพบว่าสามารถกวดขันรถที่จอดแช่ขวางทางได้เป็นอย่างดี

นายวิศณุ กล่าวว่า ที่ต้องออกใบเตือนก่อนเพราะไม่อยากใช้ไม้แข็งเกินไป แต่ถ้ามีการกวดขันตักเตือนแล้วพบว่ามีการกระทำผิดซ้ำ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกใบสั่งทันที รวมถึงกรมการขนส่งทางบกมีมาตรการตัดแต้มใบขับขี่ หากครบ12 แต้ม จะถูกสั่งพักใช้ใบขับขี่หรือห้ามขับรถทุกประเภทเป็นเวลา 90 วัน เป็นมาตรการที่ร่วมกันระหว่างกองบัญชาการตำรวจนครบาล กทม. และกรมการขนส่งทางบก อย่างไรก็ตาม กทม.จำเป็นต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเนื่องจากทั้งเจ้าหน้าที่ กทม.และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่สามารถกวดขันตลอด 24 ชั่วโมงได้ ดังนั้น ปัญหาจึงเกิดขึ้นทุกครั้งที่เจ้าหน้าที่ไม่อยู่ สร้างความเดือดร้อนต่อการสัญจรของประชาชน

 

ทั้งนี้ จะเริ่มนำมาตรการและเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้นำร่องบริเวณใต้สะพานลอยประตูน้ำ ถนนราชดำริ และซอยนานา เป็นจุดแรกเป็นเวลา 1 เดือน ก่อนขยายไปยังจุดฝืดต่างๆ เช่น หน้าห้างสรรพสินค้า หน้าโรงแรม และจุดที่มีการค้าขายทั่วกรุงเทพมหานครต่อไป