เรียกว่าเป็นข่าวกระแสดังเลยทีเดียวเมื่อ ครูสาว  ข้าราชการครู ที่ประจำอยู่ที่ กทม. มาเปิดใจในรายการ โหนกระแส เผยว่า... ตนและสามีจดทะเบียนสมรสตั้งแต่ปี 2561​ จนถึงปี​ 2565 สามีย้ายไปประจำอยู่ที่กองบิน ​1 จ.นครราชสีมา พอถึงเดือน พ.ย.2565​ สามีโทรมาสารภาพว่าไปแอบรัก แม่ค้าคนหนึ่งชื่อว่า "น้ำ" เป็นสาวสายบุญที่สนิทสนมกับแม่สามี มักไปทำบุญกับแม่ฝ่ายชายจนสนิทสนมกัน

วันที่ 26 พ.ย. 65 สามีโทรมายอมรับว่า แอบมีผู้หญิงคนใหม่ รักทั้ง 2 คน ไม่อยากเลิกกับใคร​ ครูหนิงจึงยื่นข้อเสนอ ถ้าจะเก็บไว้ทั้ง 2 คนต้องให้เมียน้อยจ่ายเงินให้ตนเดือนละ 30,000 บาท​ แต่หากจะให้ตนเซ็นใบหย่า ต้องจ่ายมา 6 ล้านบาท ต่อมาสามีบอกว่าคุณน้ำไม่ยอมรับข้อเสนอ สามีจะกลับมาอยู่กับครูหนิง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับคุณน้ำอีก แต่ครูหนิงยังไม่ปักใจเชื่อ

ต่อมา ครูหนิงได้บุกไปที่บ้านพักของสามีที่ จ.นครราชสีมา ไม่ให้รู้ตัว เพื่อพิสูจน์ความจริง เจอว่าในห้องนอนถูกทาสีใหม่หมด มีโต๊ะเครื่องแป้งใหม่ เครื่องสำอางผู้หญิงเต็มไปหมด เจอชุดชั้นใน เสื้อผ้าผู้หญิงอื่นเต็มไปหมด จึงหอบเอาเสื้อผ้าเหล่านั้นออกไปโยนทิ้งหน้าบ้าน แม่สามียังบอกว่าตนไปทำกริยาไม่เหมาะสม ตนก็ตอบโต้ว่า แล้วการที่แม่สามีปล่อยให้ผู้หญิงอื่นเข้ามาอยู่ในฐานะชู้ มันเหมาะสมไหม

ครูหนิงยังได้โทรคุยกับหญิงที่ชื่อน้ำ ถามว่าเขามาทำแบบนี้ได้อย่างไร อีกฝ่ายก็ยังโต้เถียงมาแบบไม่เกรงกลัว บอกว่าสามีของตนเก่งเรื่องบนเตียง พูดว่า


"ผัxพี่เอามัน" ครูหนิงจึงบอกว่า ถ้างั้นก็จ่ายมา 6 ล้าน เพราะของอร่อยต้องราคาแพงเป็นธรรมดา

นอกจากนี้ครูหนิง เผยว่าในวันที่ 6 ธ.ค. เธอทำหนังสือร้องเรียนถึงผู้บังคับบัญชาของสามี ที่กองบิน 1 จังหวัดนครราชสีมา พร้อมหลังฐานคลิปเสียง คลิปภาพ และการสนทนาทางไลน์ โดยมีผู้ใหญ่ลงมารับเรื่องด้วยตนเอง โดยเรื่องเงียบไปนานถึง 20 วันก่อนที่ทางกองบินที่ 1 ต้นสังกัดของสามี ได้นัดเธอไปพูดคุยพร้อมกับสามี แต่พอไปถึงผู้บังคับบัญชาของสามีและผู้ใหญ่ในสังกัดของสามีพยายามร้องขอให้เธอให้ ให้โอกาสสามีได้กลับเนื้อกลับใจเป็นคนดี

เธอจึงทำข้อตกลงทั้งสองฝ่าย หลังจากเขียนเสร็จผู้บังคับบัญชาได้อ่าน ที่ละข้อความให้ฟัง โดยสามีตอบว่าทำได้ทุกข้อ และยังให้เซ็นหนังสือยินยอม โดยไม่เอาความใด ๆ กับสามีของเธออีกด้วย

แม้ว่าสามีจะทำข้อตกลงแล้ว แต่สามีไม่ทำตามสัญญา รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงออกมาร้องสื่อ และอยากเรียกร้องให้ต้นสังกัดลงโทษสามีให้ถึงที่สุด เพราะมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม