เด็กก้าวไกล ซัด ประวิตรบอกพร้อมจับมือทุกฝ่ายจัดตั้งรบ. ลั่นสังคมต้องการออกจากระบอบ 3 ป. เตือน พรรคที่จับมือเผด็จการระวังสูญพันธุ์ ขู่จัดเต็มแม็กซักฟอกรรบ.ทิ้งทวน ด้าน"ไพบูลย์" ไม่ให้ราคา"ก้าวไกล" ประกาศไม่จับมือ"ลังป้อม สวนกลับพปชร.ไม่คุยพวกแก้ ม.112 ย้ำลุงป้อมเหมาะเป็นนายกฯคนที่30 ที่สุด ขณะที่"อุ๊งอิ๊ง" ปัดตอบ "บิ๊กป้อม" พร้อมจับมือทุกพรรค ชี้ยังเร็วเกินไป
ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 18 ม.ค.66 นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นสืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ประกาศว่าพร้อมร่วมงานกับทุกฝ่าย โดยระบุว่า วันนี้สังคมต้องการออกจากระบอบของ 3 ป. นับแต่การรัฐประหาร 2557 บ้านเมืองไม่ได้ก้าวไปข้างหน้าเลย มีแต่เลวร้ายลง เห็นได้จากการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ จนต้องกวาดล้างผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจจีนเทาเกือบร้อยคน ซึ่งผู้รับผิดชอบหน่วยงานดังกล่าวคือ 3 ป.
"โจทย์ของประเทศไทยหลังจากนี้คือการออกจากระบอบแบบนี้ ประเทศไทยไม่ควรที่จะมีผู้นำที่ชื่อว่า ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือประวิตร วงษ์สุวรรณ อีกแล้ว ดังนั้นที่พล.อ.ประวิตรบอกว่าพร้อมประสานงานได้กับทุกฝ่าย ผมไม่เชื่อว่านี่คือสิ่งที่ประชาชนอยากเห็น"
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า พรรคก้าวไกลมีจุดยืนชัดเจนว่าเราไม่มีทางเข้าร่วม หรือทำงานร่วมกับพล.อ.ประวิตรหรือพล.อ.ประยุทธ์ และเชื่อว่าพรรคการเมืองใดที่ร่วมงานกับคนแบบนี้ ประชาชนคงไม่สนับสนุน เข้าสู่ช่วงปีใหม่แล้ว ถึงเวลาที่ประเทศไทยต้องออกจากร่มเงาของพล.อ.ประวิตรและพล.อ.ประยุทธ์
นายรังสิมันต์ ยังตั้งคำถามอีกว่า ที่พล.อ.ประวิตรประกาศว่าสามารถร่วมงานได้กับทุกฝ่าย ตนสงสัยว่าจะร่วมงานกับพล.อ.ประยุทธ์ ได้หรือไม่ เมื่อถามว่า เป็นการเตือนไปถึงพรรคเพื่อไทย(พท.) หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ยังไม่ได้มองถึงขนาดว่าพล.อ.ประวิตรจะจับมือกับพรรคเพื่อไทย เพียงมองว่าพรรคใดก็ตามที่จะไปจับมือด้วยนั้น ประชาชนคงไม่สนับสนุน ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชนด้วย การเมืองในอดีตอาจเป็นไปได้ แต่ปัจจุบันสิ่งที่ประชาชนต้องการเห็นเด่นชัดแล้วว่าไม่เอาพรรคเผด็จการ หากพรรคการเมืองไม่มีจุดยืนสนับสนุนอุดมการณ์ประชาธิปไตยอาจจะสูญพันธุ์ได้
"ไม่ได้เตือนพรรคใดโดยเฉพาะเจาะจง แต่ให้ความเห็นต่อทุกพรรคการเมือง รวมถึงก้าวไกลด้วย ว่าไม่มีทางร่วมงานกับ พล.อ.ประวิตร ที่ทำลายประชาธิปไตย และสร้างพรรคทหารสืบทอดอำนาจ คสช. ประชาชนคิดว่าควรพอได้แล้ว" นายรังสิมันต์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงนโยบายที่พรรคพลังประชารัฐเสนอจะเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็น 700 บาทนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า นโยบายใดก็ตามที่มาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่เมื่อวาน พล.อ.ประวิตรในฐานะรองนายกฯ กลับลาประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่มาทำงานแก้ปัญหาให้ประเทศชาติ
"นโยบายใดๆ โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจที่นำเสนอด้วยปากของพล.อ.ประวิตร ส่วนตัวผมไม่ให้ราคา และไม่เชื่อว่าจะนำมาสู่ความเปลี่ยนแปลงได้ ต้องเปลี่ยนแปลงผู้นำของรัฐบาล ให้เกิดการแข่งขันในเชิงนโยบาย พอได้แล้วกับคนหน้าเดิมๆ" รังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ ยังกล่าวถึงการลงพื้นที่หาเสียงของพรรคก้าวไกล ว่า พรรคยังคงเน้นการพบปะประชาชนแบบไปเดินตลาด ยังไม่ได้เน้นในเรื่องการเปิดเวทีใหญ่ เนื่องจากเราเห็นว่าการเดินพบปะประชาชนเป็นการเริ่มต้นที่ดีกว่า และได้ความใกล้ชิดแต่อาจจะได้พบคนน้อย ส่วนการขึ้นเวทีจะได้พบปะประชาชนจำนวนมากแต่ก็ต้องดูว่าสุดท้ายความใกล้ชิดจะเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตามแคมเปญหาเสียงของพรรค การเดินสายทั่วประเทศแน่นอน เราจะใช้เวลาทั้งหมดในการทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด คือ ข้อ 1.งานสภา เราต้องทำหน้าที่ของเราต่อไป เพราะยังมีกฎหมายหลายฉบับโดยเฉพาะกฎหมายของพรรคก้าวไกลที่มีความจำเป็นจะต้องผลักดัน
บางทีผมรู้สึกว่า ถ้าคุณอยากสัญญากับประชาชนว่าหลังจากนี้จะผลักดันเรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่วันนี้เรายังอยู่ในสภายังมีอำนาจอยู่ ฝ่ายค้านอาจจะไม่เยอะ แต่ก็ทำงานได้ ก็ต้องทำงานให้ดีที่สุดให้ประชาชนเขาเห็นว่า คุณเข้าไป คุณรักษาสัญญา ไม่ตระบัดสัตย์ ซึ่งพรรคก้าวไกล เราทำหน้าที่นั้นและนโยบายที่เป็นนโยบายเรือธงของพรรคฯ เราพยายามทำให้มันสำเร็จ แน่นอนว่าเราไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาด เพราะเรามีเสียงไม่มากอยู่ในสภา แต่เราพยายามทำให้เต็มที่
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ข้อ 2.เรื่องการเลือกตั้ง ที่เราเคยชนะเลือกตั้ง เราต้องปกป้องให้ได้ ซึ่งเป็นวาระที่เราต้องทำให้บรรลุผล รวมไปถึงเขตอื่นๆที่เราต้องไปบุกเบิก ไปเจอประชาชนให้ได้มากที่สุดแล้วนำเสนอนโยบาย และ 3.สิ่งที่ต้องทำต่อคือนโยบาย สิ่งหนึ่งที่ตนเสียใจมากที่สุดคือวันนี้ การเมืองกลายเป็นเรื่องของการคุยกัน
ผมขอวิจารณ์รัฐบาลนิดนึงว่า รัฐบาลมี 3 อาชีพ อาชีพหลักตอนนี้คือหาเสียง อาชีพรองคือดูดส.ส. และอาชีพเสริมคือบริหารประเทศ เราไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น เพราะสิ่งที่เราควรจะทำให้เกิดขึ้นตอนนี้คือการคุยกันในเรื่องของนโยบาย และจะแก้ปัญหาของประเทศอย่างไร ถ้าคุณยังเป็นรัฐบาลอยู่ ก็ควรใช้เวลาสุดท้ายบริหารให้มันดี ซึ่งคือสิ่งที่ควรระเป็นแต่สิ่งที่มันเกิดขึ้น ตรงกันข้ามหมดเลย จึงเป็นความน่าเสียดาย อยากเชิญชวนทุกคนมาพูดคุยกันทำให้ประชาชนเห็นว่าใน 4 ปี ข้างหน้า โจทย์ของประเทศคืออะไร แล้วเราจะแก้ปัญหาได้อย่างไร นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลมีไปดูดส.ส.บ้างหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า พรรคจะเอาอะไรไปดูด และเรื่องทรัพยากรอะไรอย่ามาคุยกับเรา แต่หากอยากเห็นประเทศไทยเปลี่ยนแปลงและเชื่อว่าการทำงานแบบพรรคก้าวไกลสร้างความเป็นไปได้ ตนคิดว่าเราคุยกันได้ แต่คนที่จะมีแนวความคิดแบบนี้ส่วนใหญ่เป็นคนหน้าใหม่ อาจจะไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองมากนัก ซึ่งเราก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ที่คนไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง ไม่เคยเป็นส.ส. แล้วมาทำพรรคการเมือง ก็สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับการเมืองไทยได้
เมื่อถามถึงการลงพื้นที่ของพรรคมีกระแสตอบรับอย่างไร นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ล่าสุดไปที่ต.คูคต จ.ปทุมธานี ได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนดีมาก มีการสอบถามเรื่องนโยบายพรรค รวมถึงคดีของตู้ห่าวว่าเป็นอย่างไร ตนก็ได้แต่บอกว่าให้รอดูวันที่ 15 ก.พ. เป็นต้นไป น่าจะไม่เกินวันที่ 18 ก.พ. เราคงจะได้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยไม่ลงมติ ในเรื่องสำคัญต่างๆหลายเรื่อง จึงแสดงให้เห็นว่าประชาชนติดตามและรอดู แต่ยืนยันว่าการทำหน้าที่ตรวจสอบของตนรอบนี้ เนื่องจากเป็นการอภิปรายครั้งสุดท้าย
ผมมีความเชื่ออยู่ตลอดเวลาว่า ชีวิตผมเหมือนแขวนอยู่บนเส้นดาย ดังนั้นขอให้เป็นเส้นดายที่คมหน่อยก็แล้วกัน ซึ่งไม่ได้หมายถึงคมต่อตัวผมเอง แต่หมายถึงคมต่อตัวคนอื่น ผมพยายามทำหน้าที่ให้มันดีที่สุดเพื่อที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ดังนั้นการอภิปรายรอบนี้มีเท่าไหร่ใส่ให้หมด นายรังสิมันต์ กล่าว
ด้าน นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.ก้าวไกล ออกมาประกาศไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐ หลังพล.อ.ประวิตรยืนยันสามารถประสานได้ทุกฝ่าย ว่า สิ่งที่หัวหน้าพูด เป็นธรรมดาที่จะต้องเปิดกว้าง ใครที่จะพูดคุยกับหัวหน้าพรรคก็ยินดี แต่ในส่วนตัวสำหรับพรรคก้าวไกล ตราบใดที่มีนโยบายจะแก้ไขมาตรา 112 ไม่มีวันคุยด้วย และส่วนตัวเชื่อว่าในพรรคพลังประชารัฐส่วนใหญ่เห็นตรงกัน เรารับเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆส่วนที่นายรังสิมันต์ออกมาประกาศไม่จับมือกับพลังประชารัฐ ก็ถือว่าเป็นความเห็นของเขา แต่สำหรับพรรคพลังประชารัฐ ทุกอย่างต้องเกิดขึ้นหลังเลือกตั้ง
ส่วนประเด็นที่นายรังสิมันต์ระบุการลาประชุมคณะรัฐมนตรีของพล.อ.ประวิตร เพื่อไปแถลงนโยบาย เป็นเรื่องไม่เหมาะสมไม่ให้ราคา นายไพบูลย์ ย้อนถามว่า นายรังสิมันต์เป็นใคร เป็นความเห็นของนายรังสิมันต์แค่คนเดียว ไม่เห็นจะต้องไปสนใจ เป็นส.ส.แล้วยังไง ไปยืนยันได้ว่าการทำงานของพรรคพลังประชารัฐยึดกฎหมายทั้งสิ้น ไม่ทำอะไรที่นอกเหนือกฎหมาย ต่างจากบางพรรคที่ไปเสนอแก้ไขมาตรา 112
"ไปอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้ดี เพราะผมเป็นคนยื่น ในกรณีเกี่ยวกับการยุบพรรคไทยรักษาชาติ ในคำวินิจฉัยนั้นของศาลรัฐธรรมนูญมีความชัดเจนว่า ถ้าไปกระทำใดๆก็ตาม อันอาจเป็นปฏิปักษ์ทำให้เสียหายต่อสถาบันก็จะมีปัญหาทั้งสิ้น ตนขอเตือนไว้ก่อน การที่จะไปแก้ไขมาตรา 112 นั้นความเห็นตน ในฐานะที่เป็นฝ่ายกฎหมายไม่ควรไปแตะอย่างยิ่ง แต่ถ้าจะทำจริงๆ อาจจะเห็นตนทำงานอะไรบางอย่างอีกครั้งหนึ่ง ฝากบอกรังสิมันต์ด้วยนะครับ"
เมื่อถามถึงความเป็นไปได้กับการจับมือกับพรรคเพื่อไทย นายไพบูลย์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรกล่าวชัดเจน หลังการเลือกตั้ง พร้อมที่จะพูดคุยกับทุกพรรคที่ติดต่อมา แต่ไม่ใช่พล.อ.ประวิตรเสนอตัวไปพูดกับเขาเอง พรรคการเมืองไหนโทรไปหลังเลือกตั้ง พร้อมที่จะพูดคุยด้วยทั้งสิ้น
เมื่อถามถึงกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่ให้สัมภาษณ์ไม่พร้อมจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ก็ถูกแล้ว เพราะยังไม่มีการเลือกตั้ง ทุกพรรคเมื่อถึงเวลาก็ต้องแข่งขันกันในสนามเลือกตั้ง อย่าเพิ่งพูดว่าใครเป็นใคร หรือใครผูกมิตรกับใคร ไม่มีทั้งสิ้น แต่หลังจากการเลือกตั้งแล้วทุกพรรคการเมืองก็จะพูดคุยกันให้รอดู แต่อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าพล.อ.ประวิตรจะเป็นผู้นำในการรวบรวมจัดตั้งรัฐบาล แคนดิเดตนายกฯทั้งหมด พล.อ.ประวิตรเป็นคนเดียวที่มีโอกาส เป็นนายกฯคนที่ 30 มากที่สุด ขอย้ำเลย
นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่มีสื่อมวลชนสอบถามถึงการที่พรรคพลังประชารัฐ เปิดนโยบายเพิ่มเงินบัตรสวัสดิการ 700 ต่อเดือน ซึ่งเกทับพรรคเพื่อไทย กรณีนโยบายค่าแรง 600 บาท ว่า โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ เริ่มดำเนินการครั้งแรกเมี่อปี 2559 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้ให้แนวคิดเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการจัดสรรสวัสดิการของประเทศไทยในรอบหลายสิบปี โดยให้เงินช่วยเหลือของภาครัฐตรงไปยังกลุ่มเป้าหมาย จนสามารถระบุตัวตนผู้มีรายได้น้อยได้อย่างแท้จริง ซึ่งผู้รับสิทธิโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2559 จำนวนทั้งสิ้น 7.7 ล้านราย
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดข้อมูลผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐปัจจุบัน (ณ วันที่ 1 ม.ค.66) มีจำนวน 13.22 ล้านราย สำหรับโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนกว่า 19.63 ล้านรายนั้น ได้ปรับรูปแบบให้ใช้บัตรประจำตัวประชาชนเป็นบัตรสวัสดิการฯ แทน คาดว่าจะสามารถประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนได้ในช่วงปลายเดือนมกราคม 2566 และเริ่มใช้สิทธิได้ภายในเดือนมีนาคมนี้ นอกจากนี้ งบประมาณที่จัดสรรสำหรับสวัสดิการให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในปี 2565 นั้น ยังช่วยสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้อีกด้วย คาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจประมาณ 7.5 หมื่นล้านบาท
ที่ผ่านมา รัฐบาลในอดีตไม่สามารถจัดสวัสดิการสังคม หรือให้เงินช่วยเหลือของภาครัฐได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย เนื่องจากข้อมูลผู้มีรายได้ในระดับรายบุคคลกระจายอยู่ตามหน่วยงานหลายแห่ง ทั้งนี้ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ถือเป็นครั้งแรกที่มีการออกแบบโครงการฯ ในระดับประเทศ สามารถจัดสวัสดิการรัฐให้เข้าถึงประชาชนผู้มีรายได้น้อยได้แบบรายบุคคล อีกทั้งยังเก็บตกกลุ่มเปราะบางของสังคม ทั้งผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ที่เคยถูกละเลยในอดีต ให้เข้าถึงสวัสดิการรัฐที่จำเป็น ด้วยการใช้จ่ายวงเงินผ่านบัตรสวัสดิการฯ ทั้งการซื้อสินค้า อาหาร ช่วยค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าใช้จ่ายในการเดินทาง รวมทั้งการใช้จ่ายผ่านร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ร้านประชารัฐของกองทุนหมู่บ้าน ร้านถุงเงินประชารัฐ ซึ่งช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชนและเศรษฐกิจฐานราก
ดังนั้นพูดได้ว่าการจัดสวัสดิการสังคมและการให้เงินช่วยเหลือของรัฐในยุคพล.อ.ประยุทธ์ ช่วยแก้ไขปัญหาความยากจนในสังคมไทย และส่งต่อคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับพี่น้องประชาชนผู้มีรายได้น้อย และกลุ่มเปราะบางในสังคมไทยได้อย่างยั่งยืน และหากการเลือกตั้งสมัยหน้า ท่านนายกฯ ได้กลับมาบริหารประเทศอีกครั้ง ผมเชื่อว่าทุกนโยบายจะถูกนำมาคิดเพื่อต่อยอดและพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าในปัจจุบันอย่างแน่นอน เพราะท่านนายกฯ ลุยงานหนักทุกวัน ย่อมทราบถึงข้อดีในทุกนโยบาย สิ่งที่ดีท่านนายกฯ ก็พร้อมสานต่อและเพิ่มเติมให้โดนใจประชาชนมากขึ้น ส่วนสิ่งที่ต้องปรับปรุงก็พร้อมที่จะอุดช่องโหว่เหล่านี้ บนพื้นฐานที่ประชาชนต้องได้ประโยชน์สูงสุดนายธนกร กล่าว
วันเดียวกัน พรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร นายดนุพร ปุณณกันต์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สมาชิกพรรคเพื่อไทย และส.ส.นนทบุรี รวมทั้งผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้งส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ได้แก่ นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์, นายมนตรี ตั้งเจริญถาวร, นายนพดล แก้วสุทัศน์,นายมานะศักดิ์ จันทร์ประสงค์, นายนิยม ประสงค์ชัยกุล, นายนิทัศน์ ศรีนนท์, น.ส.ปณรัศม์ วันชาญเวช, นายจำลอง ขำสา ร่วมลงพื้นที่จ.นนทบุรี โดยมีพี่น้องประชาชน พ่อค้า แม่ค้า ในตลาดสดนนทบุรี ให้กำลังใจต้อนรับเป็นอย่างดี
คณะพรรคเพื่อไทยได้เข้าสักการะศาลเจ้าพ่อเสือ ที่พุทธสถานเชิงท่า-หน้าโบสถ์ เพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นได้เดินทางมาที่ตลาดกรมชลประทาน พบปะพี่น้องประชาชน พ่อค้า แม่ค้า ที่ทำมาค้าขายภายในพื้นที่ ทั้งนี้น.ส.แพทองธาร ได้สอบถามถึงการค้าขายและภาวะเศรษฐกิจกับแม่ค้าร้านขนมครก ปาท่องโก๋ ร้านขายไข่ไก่ และร้านผักสด พร้อมได้ให้กำลังใจอวยพรให้ค้าขายดี ซึ่งนายมนัสพ่อค้าเจ้าของแผงผักในตลาดกรมชลประทาน กล่าวว่า 8 ปีที่ผ่านมาคนจนไม่เคยได้อะไรเลย คนรวยมีแต่รวยเอา ขอฝากให้พรรคเพื่อไทยได้ช่วยแก้ไขปัญหานี้ด้วย ปีนี้รับรองได้เลยว่าพรรคเพื่อไทยจะแลนด์สไลด์แน่นอน น.ส.แพทองธาร รับปากจะนำเสนอนโยบายที่จะช่วยยกระดับชีวิตให้ประชาชน
จากนั้นได้เดินพบปะพูดคุยกับ พี่น้องประชาชนและพ่อค้าแม่ค้าที่ตลาดประชานิเวศน์ 3 เพื่อสอบถามปัญหาราคาสินค้า ในปัจจุบัน และให้กำลังใจพ่อค้าแม่ค้าในตลาดเกี่ยวกับราคาสินค้า และยอดขาย อย่างไรก็ตามมีประชาชนได้เดินทางมามอบดอกไม้ให้กำลังใจและขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึกด้วย
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ทั้ง 2 ตลาด พี่น้องประชาชนต้อนรับอย่างอบอุ่น พี่น้องประชาชนรู้สึกทนไม่ไหว อยากเลือกตั้งแล้ว ถือเป็นกำลังใจให้พรรคเพื่อไทยอยากเดินสายพบปะพี่น้องประชาชนต่อไป เพื่อยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยมีความพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงให้พี่น้องประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยตลอดเส้นทางในการลงพื้นที่ในวันนี้พบว่าพี่น้องประชาชนให้การตอบรับให้กับนโยบายของเราเป็นอย่างดี โดยสองข้างทางมีป้ายประชาสัมพันธ์นโยบายของพรรค โดยเฉพาะข้อความที่ว่า นโยบายดีๆใครก็พูดได้ แต่คนที่ทำได้คือพรรคเพื่อไทย รวมถึงมีพี่น้องประชาชน นำเอาบัตรสมาชิกพรรคไทยรักไทยที่มีลายเซน ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งตนรู้สึกชื่นใจที่พี่น้องประชาชนไว้ใจเรามาอย่างยาวนานขณะนี้กว่า 20 ปี แน่นอนว่าเราจะไม่ทำให้พี่น้องประชาชนผิดหวัง
เมื่อถามว่า จะสามารถรักษาเก้าอี้และได้พื้นที่เพิ่มขึ้นใน จ.นนทบุรีไว้ได้หรือไม่ เพราะว่ามีส.ส.ที่ย้ายออกจากเพื่อไทย และมีการเพิ่มเขตใหม่อีก 2 เขต น.ส.แพรทองธาร กล่าวว่า ที่นนทบุรีมีทั้งหมด 8 เขต เราคัดเลือกผู้สมัครแล้วเรียบร้อย และมีความมั่นใจในพื้นที่มาตลอดเรามั่นใจว่าพี่น้องประชาชนจะสนับสนุนพรรคเพื่อไทยทั้ง 8 เขต ในเขตนี้เราได้ผู้สมัครนายนพดลมาทดแทน เรามั่นใจผู้สมัครมีความแน่นแฟ้นในพื้นที่ ทำให้เรามั่นใจกว่าเดิม
เมื่อถามถึงนโยบายของพรรคพลังประชารัฐเปิดนโยบายเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็น 700 บาท เป็นการบลัฟนโยบายค่าแรง 600 บาท ของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราพูดและเราสัญญาในสิ่งที่มั่นใจว่าเราทำได้ ในส่วนพรรคอื่นก็เป็นเรื่องของพรรคนั้นที่พิจารณากันเอง ซึ่งพรรคเพื่อไทยพิจารณาว่าภายในปี 2570 จะทำให้ได้ตามที่บอกประชาชน ส่วนนโนบายพรรคพลังประชารัฐนั้นเป็นวิธีที่ไม่เหมือนกัน
เมื่อถามถึงกรณีที่พล.อ.ประวิตรพร้อมจับมือกับทุกพรรคเพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง น.ส.แพรทองธาร กล่าวว่า การก้าวข้ามความขัดแย้งเป็นเรื่องดี แต่เรายึดหลักประชาธิปไตยและเราหาเสียงแบบแลนด์สไลด์ เพราะต้องการที่จะทำให้นโยบายของพรรคเพื่อไทยเกิดขึ้นจริงให้ประชาชน ถ้าต้องจับมือพรรคร่วมอย่างที่บอกนโยบายหรือแนวคิดต้องเป็นในแนวทางเดียวกัน เพราะเป็นทิศทางที่ประชาชนผ่านแล้วถึงเลือกเรา เรายึดสิ่งนั้นเป็นหลัก
เมื่อถามว่า ถ้าพลังประชารัฐทอดไมตรีมาหาพรรคเพื่อไทยก่อน มีความเป็นไปได้ที่จะเห็น 2 พรรคนี้จับมือกันหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปมากที่จะตอบ เราอยากให้เกิดแลนสไลด์ ทุกคะแนนเสียงอย่าปันใจให้พรรคอื่น ขอให้เลือกทั้งคนทั้งพรรค เพราะประเทศไม่ไหวแล้ว ต้องใช้นโยบายที่จะทำให้ชีวิตประชาชนดีขึ้น เกมการเมืองคือการเลือกตั้งเท่านั้น ส่วนเกมการเมืองอย่างอื่นที่เป็นดราม่านั้นไม่สำคัญ และไม่จำเป็น สิ่งสำคัญคือปากท้องของพี่น้องประชาชน