คุณตาอายุ 74 ปี ถูกลูกหลานทอดทิ้งปล่อยเลี้ยงเหลน 5 ขวบ ลำพัง อดมื้อกินมื้อ ถึงขั้นคิดสั้น จะพาเหลนฆ่าตัวตาย ขณะเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น มอบถุงยังชีพและเงินจำนวนกนึ่ง
วันที่ 18 ม.ค.66 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านชุมชนชุมเห็ด หลังโรงพยาบาลบุรีรัมย์ ต.ในเมือง อ.เมืองบุรีรัมย์ ว่า มีคุณตาที่แก่ชราท่านหนึ่งถูกลูกหลานทอดทิ้งไม่เคยกลับมาเหลียวแล โดยปล่อยให้เลี้ยงเหลนอายุ 5 ขวบตามลำพัง ใช้ชีวิตอยู่อย่างอดอยาก มีเพียงเบี้ยผู้สูงอายุและเงินสงเคราะห์เด็กแรกเกิดประทังชีวิต บางครั้งเพื่อนบ้านเวทนาสงสารก็แบ่งปันข้าวอาหารให้บ้าง
ผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง ก็พบนายสัมฤทธิ์ อายุ 74 ปี ซึ่งมีสภาพร่างกายแก่ชราเดินไม่สะดวก อาศัยอยู่ในบ้านที่ค่อนข้างคับแคบทรุดโทรม กับ ด.ญ.ชญาดา หรือ น้องต้นข้าว อายุ 5 ขวบ ซึ่งเป็นเหลนเพียงลำพัง โดยคุณตา เล่าให้ฟังว่า ภรรยาเสียชีวิตไปกว่า 30 ปีแล้ว มีลูกทั้งหมด 3 คน คนโตเป็นผู้ชายไปรับจ้างอยู่ที่ จ.ปทุมธานี กว่า 20 ปีแล้ว ล่าสุดทราบว่าป่วยต้องตัดลำไส้นอนติดเตียงแต่ก็ติดต่อไม่ได้หลายปีแล้ว คนที่สองเป็นผู้หญิงไปทำงานที่พัทยาติดต่อไม่ได้หลายปีเหมือนกัน แต่มีเพื่อนบ้านที่ไปทำงานที่พัทยาแล้วไปเจอ แต่พอเพื่อนบ้านไปถามลูกสาวกลับบอกว่าไม่เคยรู้จักคนนามสกุลนี้
ส่วนลูกชายคนเล็กก็ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ในกรมประมงกว่า 10 ปีแล้วไม่เคยกลับมาเยี่ยมเลย แต่พอตนเองติดต่อไปหาและขอเงินมาใช้จ่ายบ้างเขาก็บอกว่าไม่มี ส่วนหลานสาวซึ่งเป็นแม่ของน้องต้นข้าว เมื่อก่อนทำงานเป็นลูกจ้างที่ รพ. แต่หลังจากน้องต้นข้าวอายุได้ 7 เดือนก็ทิ้งเอาไว้แล้วหนีหายไปเลย ปล่อยให้ตนเลี้ยงเหลนเพียงลำพัง
โดย ตาสัมฤทธิ์ บอกว่า เมื่อ 3 - 4 ปีก่อน ยังพอมีเรี่ยวแรงก็จะเอาหลานไปฝากกับเพื่อนบ้าน แล้วออกไปรับจ้างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ประปาตามบ้านก็พอได้เงินมาบ้าง เดือนละ 2 - 3 พันบาท บวกกับเบี้ยคนชราอีกเดือนละ 700 บาท และเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดของเหลนเดือนละ 600 บาท ก็พอใช้ชีวิตอยู่กันได้
แต่มาปีนี้ด้วยสังขารที่ล่วงโรยเพราะแก่ชรามาก สายตาเริ่มพล่ามัว แขนขาอ่อนแรงเดินเหินไม่ค่อยสะดวก จึงไม่ค่อยมีใครจ้าง ต้องอาศัยแค่เบี้ยคนชราและเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดประทังชีวิตไปวันๆ ก็อยู่กันแบบยากลำบากอดมื้อกินมื้อ จนต้องนำเครื่องมือช่างที่มีไปจำนำเพื่อเอาเงินมาซื้อข้าวกินจนตอนนี้ไม่มีอะไรไปจำนำแล้ว บางวันก็ไปขออาหารจากบ้านพักคนชรามากิน และมีเพื่อนบ้านที่เวทนาสงสงสารหยิบยื่นข้าว อาหารให้บ้างตามกำลัง ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านก็เก็บจากที่คนอื่นทิ้งแล้วเอามาซ่อมใช้ เพราะไม่มีเงินซื้อ
ทั้งนี้คุณตาสัมฤทธิ์ ยังพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า เมื่อก่อนรับจ้างขับรถเลี้ยงลูกหลานจนโต แต่พอแก่ชรามาลูกหลานก็ทอดทิ้งไม่เหลียวแล ก็ท้อใจถึงขั้นคิดสั้นจะฆ่าตัวตายไปพร้อมกับเหลน อยู่ไปก็ไม่มีใครให้พึ่งพา อยากให้ลูกหลานกลับมาดูแลให้กำลังใจบ้าง ลำพังตัวเองก็ไม่ได้ต้องการอะไรแล้วเพราะแก่มากแล้ว แต่เป็นห่วงอนาคตเหลนเพราะอายุ 7 ขวบก็ต้องเข้าเรียน แต่ตนคงไม่มีปัญญาส่งเสียลำพังข้าวจะกินแต่ละมื้อยังลำบาก หากเป็นไปได้ก็อยากให้ลูกหลานที่รู้ข่าวมารับเหลนไปดูแล หรือพอมีหน่วยงานที่จะช่วยเหลือได้ก็อยากให้ช่วย
พร้อมกันนี้ถ้าหากใครอยากจะช่วยเหลือต่อลมหายใจให้ตากับเหลน สามารถบริจาคได้ที่ชื่อบัญชี นายสัมฤทธิ์ แกล้วกล้า เลขที่บัญชี 020191552577 ธนาคารออมสินสาขาบุรีรัมย์
ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ โดย นายสกล ไกรรณภูมิ นายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ มอบหมายให้นายสมศักดิ์ ธีระวิวัฒนกิจ รองนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ พร้อมด้วย นางสาวภรภัทร สงวนสิน ผู้อำนวยการกองสวัสดิการสังคม เทศบาลเมืองบุรีรัมย์ และเจ้าหน้าที่กองสวัสดิการสังคม เทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ลงพื้นที่ไปให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น และเยี่ยมให้กำลังใจ นายสัมฤทธิ์ แกล้วกล้า พร้อมมอบถุงยังชีพ และเงินช่วยเหลือจำนวนหนึ่งแล้ว