วันที่ 17 ม.ค.66 ที่สำนักพัฒนาสังคม กทม.เขตดินแดง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. แถลงภายหลังประชุมผู้ว่าฯสัญจรและติดตามการดำเนินของของสำนักพัฒนาสังคม (สพส.) ว่า สพส. เป็นสำนักที่มีความสำคัญในการดูแลกลุ่มผู้เปราะบางและอ่อนแอในสังคมที่ต้องการโอกาสในการพัฒนาตนเอง ซึ่งสพส.ได้ดำเนินโครงการสำคัญ โดยมีการจ้างอาสาสมัครเทคโนโลยี (อสท.) แล้วจำนวน 491 คน จาก 2,016 ชุมชน เพื่อไปสอนเทคโนโลยีให้กับประชาชนที่อยู่ในชุมชน โดยอสท. จะจัดทำระบบฐานข้อมูลชุมชน ช่วยให้คนในชุมชนเข้าถึงสิทธิประโยชน์และสวัสดิการของภาครัฐรวมถึงสวัสดิการจากระบบออนไลน์ต่างๆ ช่วยให้คนในชุมชนมีทักษะการขายทางช่องทางออนไลน์ และ ช่วยให้คนในชุมชนรู้เท่าทันสื่อ นอกจากนี้ยังมีโครงการพัฒนาต้นแบบ BKK Food Bank ระบบส่งต่ออาหารให้กลุ่มเปราะบางอย่างเป็นรูปธรรม โดยร่วมกับภาคเอกชน นำร่อง 10 เขต ประกอบด้วย เขตบางขุนเทียน คลองเตย คลองสานบางกอกน้อย บางแค บางพลัด พระโขนง ประเวศ ภาษีเจริญ และลาดกระบัง จากนั้นจะขยายจำนวนวันและเขตพื้นที่ให้ครบคลุมทั้งกรุงเทพฯ

รวมทั้งการจ้างงานคนพิการ 306 อัตรา ตลอดจนการตั้ง จุดบริการสวัสดิการสังคม(Drop In) สำหรับคนไร้บ้าน ที่ใต้สะพานพระปิ่นเกล้าและตรอกสาเก เพื่อให้คนไร้บ้านเข้าถึงสวัสดิการพื้นฐาน อาทิ มีจุดทำบัตรประจำตัวประชาชน มีหน่วยปฐมพยาบาลที่งให้บริการยาสามัญประจำบ้านและวิเคราะห์อาการเบื้องต้นเพื่อส่งต่อศูนย์บริการสาธารณสุข 9 (ประชาธิปไตย) บริการปรึกษาอาชีพและการจัดหางาน แจกอาหาร เป็นต้น ขณะเดียวกันขณะนี้อยู่ระหว่างหาพื้นที่จัดทำบ้านอิ่มใจด้วย

นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จะเน้นการสนับสนุนเกษตรกรรม โดยปัจจุบันมีการทำสวนเกษตรอินทรีย์ แล้ว130 แห่ง มีการเร่งเปิดตลาดเกษตรกร (Farmer Market) 50 เขต เขตละ 1 แห่ง รวมทั้งการเพิ่มค่าอาหารกลางวันและค่าอุปกรณ์ให้กับนักเรียนในศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน นอกจากนี้ สพส. ยังมีโรงเรียนศูนย์ฝึกอาชีพ 10 แห่ง ที่ให้ความรู้ในการประกอบอาชีพ ที่สอดคล้องกับปัจจุบัน ซึ่งในอนาคตจะมีการสอนเรื่องโซลาร์เซลล์ และผู้ดูแลสุขภาพ(Caregiver) เพื่อรองรับผู้สูงอายุด้วย

อย่างไรก็ตาม กทม.ไม่สามารถนำงบประมาณไปช่วยเหลือคนที่มีรายได้น้อยได้ แต่กทม.จะให้ความรู้และทักษะฝึกอาชีพ เพื่อให้นำความรู้ไปประกอบอาชีพ