"ชลน่าน" จับตา 3 วันฤกษ์ดี รัฐบาลเล็งยุบสภาหวังได้กลับมาสืบทอดอำนาจ ชี้ช่องจับตา 6 ก.พ. ถ้า ส.ส.ยังไม่ย้ายพรรค เป็นสัญญาณยุบแน่ เตือนชิงยุบหนีอภิปราย ม.152 เจอ ปชช. พิพากษาในคูหาเลือกตั้ง

วันที่ 16 ม.ค.2566 ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) แจ้งว่าพร้อมเข้ามาชี้แจงตั้งแต่ 15 ก.พ. เป็นต้นไป ว่า น่าจะเป็นเวลาที่เนิ่นนานเกินกว่าเหตุที่จำเป็น เพราะดูจากกระบวนการยื่นญัตติก็ทำอย่างรวดเร็ว แต่ทางพรรคร่วมฝ่ายค้านและประธานสภา ก็ได้ทักท้วงไปว่า เป็นการทอดเวลาที่ยาวนานเกินไป เพราะโดยปกติจะใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือนหลังจากการยื่นญัตติ สำหรับเนื้อหาในการอภิปรายจะครอบคลุมทุกนโยบายทั้ง 12 ด้านของรัฐบาล รวมถึงประเด็นปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม เช่น เรื่องยาเสพติด ทุนจีนสีเทา ปฏิรูประบบราชการ ก็จะถูกหยิบยกมาสอบถามและเสนอแนะต่อไป

โดยมี สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ทำหน้าที่ดูแลเนื้อหาสาระและบทบาทหน้าที่ในการอภิปราย จัดสรรกันไปตามความถนัดของแต่ละพรรคการเมือง เดิมในการอภิปรายทั่วไปครั้งล่าสุดได้เวลาทั้งหมด 22 ชั่วโมง คราวนี้จึงตั้งใจจะต่อรองให้ไม่ต่ำกว่า 22 ชั่วโมง หรือมากกว่า ส่วนคนอภิปรายของพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ด้วยความสมัครใจ แต่ถูกคัดเลือกและมอบหมายจากพรรคให้ทำหน้าที่  เสมือนเวทีปราศรัยใหญ่ แต่อยู่ในสภาผู้แทนราษฎร โดยพรรคมีความมั่นใจในบุคคลที่ได้รับคัดเลือก ว่าจะนำเสนอประเด็นที่เป็นประโยชน์ได้

เมื่อถามว่าการทอดเวลาของรัฐบาลที่นานกว่าเป็นปกติ กลัวว่าจะเป็นการชิงยุบสภาหนีหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หาก ส.ส.ที่ประกาศว่าจะย้ายพรรคยังทำหน้าที่อยู่หลังวันที่ 6 ก.พ. เป็นต้นไปโดยไม่ย้าย ก็ยืนยันได้เลยว่าจะมีการยุบสภาแน่ เพราะตรงตามเงื่อนไข 90 วันที่ต้องสังกัดพรรคการเมืองก่อนเลือกตั้ง ระบอบประชาธิปไตยอาศัยอำนาจสูงสุดมาจากประชาชน ท่านหนีสภาได้ แต่ท่านหนีประชาชนไม่ได้ เพราะประชาชนจะพิพากษาท่านในคูหาเลือกตั้ง อย่าได้คิดทำ หากท่านได้ชี้แจงในสภา อาจจะได้รับการสนับสนุนจากประชาชน แต่ถ้าท่านหนีการอภิปราย จะไม่มีโอกาสอีกเลย

"การยุบสภาอาจขึ้นอยู่กับฤกษ์ยามด้วย โดยให้จับตาวันที่ 14 ก.พ. 24 ก.พ. และ 7 มี.ค. วันดังกล่าวนี้ ถือเป็นฤกษ์งามยามดี ที่ยุบสภาแล้วอาจจะได้กลับมาสืบทอดอำนาจต่อ แต่ฤกษ์ดีของประชาชนคือวันที่เข้าไปกาบัตรเลือกตั้งวันที่ 14 ก.พ. คือวันแห่งความรัก แต่มีใครบางคนจะเปลี่ยนวันแห่งความรักให้เป็นวันแห่งความเกลียด ผมก็ช่วยไม่ได้นะ ประชาชนจะฝังจำความเกลียดนั้นเข้าไปในคูหาเลือกตั้ง" นพ.ชลน่าน กล่าว

เมื่อถามว่า การที่รัฐบาลเสนอเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ถือเป็นการฉกชิงความได้เปรียบของรัฐบาลหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตอบแบบกำปั้นทุบดินตรงไหนก็ถูก ว่าใช่แน่นอน ขอแสดงความยินดีกับประชาชนที่ได้รับเงินเพิ่มขึ้นในช่วงวิกฤต แต่การมาเติมเงินในช่วง 2 เดือนสุดท้าย เพราะคิดว่าจะได้คะแนนเพิ่ม ย่อมไม่สามารถซื้อใจประชาชนได้ ประชาชนรู้ดีว่าเป็นเงินที่มาจากภาษีประชาชนและจะรู้ว่าทำไมผ่านมาถึง 8 ปี ถึงเพิ่งมาให้ เป็นการอาศัยจังหวะทางกฎหมายเพื่อเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น แต่คุณเอาเปรียบประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจไม่ได้ คุณให้ช้าไป