(15 ม.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 5.2 ได้โพสต์คลิปพร้อมข้อความ ระบุว่า “เมิงรู้จักไหมว่ากูเป็นใคร เมิงเป็นข้าราชการ เมิงไม่ควรเมาแล้วขับ...เมาแล้วขับ=ฆาตกร” ขอบคุณติ๊กต๊อก โดยในติ๊กต๊อกดังกล่าวได้ระบุข้อความว่า “เมาแล้วขับตอนแรกจะหนี ชนเขาบาดเจ็บสาหัส” ใช้อำนาจ ข่มขู่เจ้าหน้าที่” จากตรวจสอบทราบว่า คลิปเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งในคลิปที่ถูกแชร์จะเห็นชายคนหนึ่งท่าทางคล้ายเมาเดินเซไปมาชี้หน้าต่อว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ ที่เข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถเก๋งชนรถจักรยานยนต์
โดยชายคนดังกล่าวตะโกนว่าอาสากู้ภัยฯ ว่า มึงรู้จักมั๊ยกูเป็นใคร มึงอย่ามาเก่งกูไม่ชอบ แค่นี้กูรับผิดชอบ ไม่ใช่ไม่รับผิดชอบ กูเป็นข้าราชการ มึงอย่าให้กูโมโหนะ กูบอกว่ากูรับผิดชอบจบมั๊ย ไม่ใช่ว่ามึงมาเป็นร้อย จะอะไรนักหนา กูไม่กลัวหรอก เดี๋ยวกูไปเคลียร์เอง บางช่วงพูดขึ้นมาว่าแล้วมันตายมั๊ย ซึ่งน่าจะหมายถึงผู้บาดเจ็บ พออาสากู้ภัยบอกว่าไม่ตายหรอกครับ ชายคนดังกล่าวก็ยังตะโกนว่ามึงฟังกูสิ
จนมีชายคนหนึ่งซึ่งอยู่ในเหตุการณ์น่าจะทนพฤติกรรมของชายคนดังกล่าวไม่ไหว ได้ตะโกนขึ้นว่า “ทำไมพูดใหญ่แบบนี้คุณเป็นข้าราชการหรือยังไง ข้าราชการแล้วใหญ่เหรอ” จากนั้นก็มีตำรวจเดินเข้ามายังจุดเกิดเหตุ แต่ชายคนดังกล่าวก็ไม่ได้มีท่าทีจะอ่อนลง แถมยังพูดว่าเรื่องเล็กๆ ทำไมต้องทำเป็นเรื่องใหญ่
จากการสอบถามนายวันเทียน หมอบประโคน อายุ 53 ปี อาสากู้ภัยสว่างจรรยาธรรมสถาน จ.บุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเวลาประมาณ 4 ทุ่มกว่า วันศุกร์ที่ 13 ม.ค.66 ที่ผ่านมา บริเวณถนนบายพาส นอกเมือง สายบุรีรัมย์-สตึก แยกแสงรุ้ง ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เป็นเหตุรถเก๋งเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ เมื่อกู้ภัยฯ ไปถึงพบคนขับรถ จยย.บาดเจ็บในที่เกิดเหตุ แต่รถเก๋งที่ชนก็เหมือนจะขับหลบหนีทางอาสากู้ภัยฯ จึงช่วยกันไปกันเอาไว้ เพื่อรอเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงจุดเกิดเหตุ แต่คนขับก็ลงมาจากรถเก๋งแล้วแสดงอาการโวยวายท่าทางคล้ายเหมือนคนเมา บอกว่า ตัวเองเป็นข้าราชการ ซึ่งตนมองว่าถ้าเขาเป็นข้าราชการจริงก็ยิ่งไม่สมควรจะทำพฤติกรรมแบบนั้น เพราะไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ส่วนตัวที่เป็นอาสากู้ภัยทำงานช่วยเหลือสังคม ไม่ได้มีค่าตอบแทนอะไร แล้วมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็รู้สึกเสียใจ
จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ให้ข้อมูลว่า คู่กรณีเกิดอุบัติเหตุทั้งสองฝ่ายได้มาพูดคุยตกลงค่าเสียหายกันเรียบร้อยแล้ว ต่างฝ่ายต่างไม่ได้ติดใจกัน ส่วนเรื่องวัดระดับแอลกอฮอล์ ก็ได้ทำการวัดตามขั้นตอนแล้วและระดับแอลกอฮอล์ไม่ได้เกินกว่ากฎหมายกำหนด คือไม่ได้เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ทำตามขั้นตอนกฎหมาย