เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 15 ม.ค.2566 พระอาจารย์สุวิทย์ ชินวโร หรือ ครูบาไก่  ประธานที่พักสงฆ์วัดป่าปฐมเทวาราม เดินออกจากกุฏิเขียว ไปยัง ศาลาการเปรียญที่พักสงฆ์วัดป่าปฐมเทวาราม ซึ่งตั้งอยู่ที่ บ้านป่าผุ ต.สวนหม่อน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น  โดยมีนายธรรมชาติ สาระปัญญา ทนายความ เจ้าของโครงการกองบุญทนายความ เพื่อปกป้องและสืบทอดพระพุทธศาสนา  พร้อมลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดร่วมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนและชี้แจงข้อเท็จจริง หลังถูกกล่าวหาว่าโชว์ของลับให้เด็กหนุ่มดู  เลี้ยงผู้ชาย และเรื่องทองคำ รวมถึงการสร้างพระวิหารที่ยังไม่แล้วเสร็จ รวมไปถึงเรื่องรอยสัก และเรื่องรายจ่ายในวัด หลังถูกคนกลุ่มบุคคลที่เคยเป็นญาติธรรมกล่าวหาและนำหลังฐานร้องเรียนต่อสื่อมวลชนในช่วงที่ผ่าน โดยพุทธศาสนิกชนสายบุญเดินทางมาร่วมรับฟังการชี้แจงในครั้งนี้นับพันคน

 ซึ่งตลอดระยะทางที่เดินจากกุฏิไปที่ศาลาการเปรียญ ประมาณ 100 เมตรนั้น มีลูกศิษย์ เดินประกบข้างตลอดเวลาและในขณะที่ครูบาไก่ และทนายความกำลังชี้แจงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมานั้น  มีชาวบ้านหลายรายไลฟ์สดผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว  รวมทั้งพุทธสาสนิกชน ที่เป็นสายบุญ ต่างก็ยกมือสาธุๆพร้อมกันหลังครูบาไก่ชี้แจงผ่านไปในแต่ละเรื่อง

นายธรรมชาติ สาระปัญญา ทนายความ  กล่าวว่า  การแถลงข่าวและการชี้แจงครั้งนี้เกิดจากครูบาไก่ถูกกล่าวหาในเรื่องต่างๆ ที่สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงกับวัดและพระครูก็เสื่อมเสียด้วย ซึ่ง หลังจากเข้ามาช่วยเหลือดูแลครูบาไก่ก็มีการพูดคุยกัน จนทราบว่า ครูบาไก่มีการสักยันต์ที่ข้อเท้ามาตั้งแต่บวชเณรจริงแต่สักไม่สวยและสักเล็กๆ  จึงได้มาสักซ้ำ  ดังนั้นจึงยืนยันได้ว่า ภาพถ่ายของลับตามที่มีคนเอามาใส่ร้ายครูบาไก่นั้น ไม่ใช่ภาพของครูบาไก่  

"ส่วนเรื่องเลี้ยงผู้ชายนั้น  ส่วนใหญ่เป็นลูกหลานของครูบาหลายคนที่เข้ามาอยู่ในวัด ครูบาก็ดูแลลูกหลานทุกคน  และเมื่อทุกคนเติบโต  มีหน้าที่การงานทำเลี้ยงดูตัวเองได้ก็ออกไปอยู่ข้างนอก แต่ยังไปมาหาสู่ครูบาประจำ"

นายธรรมชาติ  กล่าวต่ออีกว่า  กรณีทองคำที่ญาติโยมทำบุญมา เพื่อหลอมเป็นพระเอาไปใส่ใต้ฐานพระพุทธรูปในพระวิหารนั้น ขณะนี้ทองยังอยู่ครบไม่ได้มีการสูญหาย  และมีที่จัดเก็บอย่างดี  ส่วนการสร้างพระวิหารที่ยังไม่แล้วเสร็จนั้น เนื่องจากทางวัดมีเงินไม่พอ จึงยุติการก่อสร้างไว้ก่อน  โดยในเบื้องต้น ทางวัดทำการก่อสร้างฐานรากด้วยจำนวนเงิน 6 ล้านบาท  โครงหลังคา 4 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 10 ล้านบาทถ้วน  และจ่ายค่าช่างไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ได้เป็นหนี้สินในการก่อสร้างแต่อย่างใด

“กรณีของชายหนุ่มชื้อเจนนั้น ครูบาไก่ยืนยันว่าไม่รู้จัก และไม่ทราบว่า ฝ่ายกล่าวหาเอาหลักฐานต่างๆมาจากที่ใด ถ้านายเจนมีตัวตนจริงก็เอาตัวคนออกมายืนยัน  เพราะหลังจากทราบเรื่องราวทั้งหมด ครูบาไก่ได้มอบหมายให้ไปแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ สภ.มัญจาคีรี ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มคน 4 คนที่กล่าวหาครูบาไก่ ในข้อหา ร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ร่วมกันใส่ความคณะสงฆ์ ร่วมกันแจ้งความเท็จ และข้อหา ร่วมกันนำข้อมูลอันเป็นเท็จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์  นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ครูบาไก่ได้นำหลักฐานต่างๆตามที่ถูกกล่าวหา รวมถึงทองคำที่ถูกกล่าวหาว่าหายไป รวมถึงรายละเอียดการก่อสร้างพระวิหารและเรื่องรอยสัก  เข้าพบคณะสงฆ์และคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของจังหวัดขอนแก่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และทุกข้อกล่าวหาที่ถูกคนกลุ่มนั้นกล่าวหา ครูบาไก่ปฏิเสธทั้งหมด”

ด้านครูบาไก่  กล่าวว่า เมื่อเรื่องมันเกิดปัญหา เราก็หาทางแก้ เอาความจริงมาพูด สิ่งที่เกิดขึ้นเราไม่คิดว่าจะเกิดกับตัวเอง เพราะว่าที่ผ่านมาได้เทศน์ได้บอกได้เตือนกับลูกศิษย์อยู่ตลอดว่า ภัยสังคมทุกวันนี้มันอันตรายมันจะเกิดขึ้นเกี่ยวกับพระเกี่ยวกับครูบาอาจารย์ขณะที่มีชื่อเสียง ซึ่งเป็นที่จับจ้องของสังคมและก็เกิดขึ้นจริงกับตัวของครูบา ทั้งทั้งที่ไม่รับรู้และไม่รับทราบสิ่งที่เขาได้กระทำว่าเป็นจริงเป็นเท็จประการใด คือเราไม่รู้เรื่องอยู่ดีดีเราก็กลายเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่ากลายเป็นผู้ที่กระทำตามที่เป็นข่าว เมื่อเกิดเหตุแล้ว เราจึงออกมาพูดเกี่ยวกับความจริง และทางคณะสงฆ์ได้ให้มาชี้แจง จึงเป็นโอกาสดีที่มีลูกศิษย์ลูกหาญาติโยมมาให้กำลังใจ 

“เรื่องที่เกิดขึ้นที่มีการร้องเรียนไปยังทางจังหวัดในเรื่องต่างๆทั้งเรื่องเงินสร้างวิหารก็ชัดเจนเพราะมีหลักฐานทุกอย่าง เรื่องทองคำก็มีหลักฐานทุกอย่าง ส่วนเรื่องของคนชื่อเจน เราไม่รับรู้เพราะ เราไม่รู้เมื่อเราไม่รู้เราก็ตอบไม่ได้ว่าบุคคลชื่อเจนนั้นคือใครและภาพที่มีการเผยแพร่นั้นเป็นภาพใครเราก็ไม่รู้ ซึ่งเมื่อเราไม่รู้แล้วเราก็ต้องปฏิเสธ และการชี้แจงในครั้งนี้ก็พูดในเรื่องที่เรารับรู้เท่านั้น และเป็นสิ่งที่เราบริสุทธิ์คือเรื่องเงิน เรื่องทองคำ โดยเรื่องเงินและทองคำที่ถูกกล่าวหานั้น มีหลักฐานทั้งหมด โดยทองคำนั้นได้นำไปเก็บไว้เป็นอย่างดี เพราะเป็นสิ่งของมีค่า และเป็นสิ่งของที่ไม่ควรนำออกมาเปิดเผยให้คนเห็น โดยเก็บเอาไว้ในที่ปลอดภัย และเรื่องเลี้ยงเด็กน้อย เด็กผู้ชาย คนที่มาวัดจะทราบดีว่ามันเป็นเหตุจำเป็นเพราะว่าพวกขี้เหร่ไม่มาวัด กลายเป็นว่ามีแต่พวกหน้าตาดีมาอยู่ข้างจึงเป็นเหตุให้วุ่นวายสังคมจึงจับจ้องว่าครูบานั้นเป็นหรือเปล่าใช่หรือเปล่าใช่เหมือนอย่างที่คนอื่นพูดหรือไม่ แต่ทั้งนี้ลูกศิษย์ลูกหาที่เข้ามานั้นก็เป็นชาวบ้านในพื้นที่การให้เงินก็อาจจะมีให้บ้างเล็กๆน้อยๆ ไปกินข้าว เป็นการช่วยเหลือปกติอยู่แล้ว”

ครูบาไก่  กล่าวต่ออีกว่า สำหรับลายสักรูปพญานาค มีรอยสักตั้งแต่เป็นเณรแต่เป็นการสักเล็กๆต่อมาด้วยความดื้อด้านที่ตนเองเป็นเณร จึงสักตัวเองที่ขาแต่พบว่าไม่สวยจึงได้มาสักลายใหญ่ใหญ่ทับลงไป หากนั่งในท่าที่กล่าวหาตามที่เป็นข่าวยังไงก็ต้องเห็นรอยสักอย่างแน่นอน เพราะสักตั้งแต่เป็นสามเณรและก่อนปี 2564 ในภาพที่เป็นข่าวนั้นไม่มีรอยสัก ส่วนชายที่ชื่อเจนนั้นที่อ้างว่ารู้จักกับเราคบหากัน เรื่องนี้เราไม่มีคำอธิบายเพราะไม่รู้จักและไม่รู้มีตัวตนจริงไหม ถ้ามีตัวตนจริงก็อยากให้พาออกมาปรากฏตัว