ร้อนยิ่งกว่าการเมือง กลบแทบทุกกระแสแรง ที่โหมรับช่วงเข้าโค้งก่อนยุบสภาฯ เตรียมเลือกตั้งใหม่ คงไม่มีเรื่องไหนเดือดไปกว่า ประเด็น “อดีตรองนายกรัฐมนตรี” ที่ถูกโยงว่าเข้าไปเกี่ยวพันกับคดีความที่มีปมชู้สาวเข้ามาพัวพันตามที่ “ทนายตั้ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ทนายคนดัง โพสต์ข้อความผ่านเฟชบุ๊กส่วนตัว ชี้เป้า ด้วยอักษรย่อ ย. ที่ผ่านมา
ทนายตั้ม ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า ย. ที่ถูกพาดพิงถึงนั้นเป็นใคร เพียงแต่ชี้เป้าเอาไว้ด้วยคำใบ้และอักษรย่อ จากนั้นไม่นาน โลกโซเชียลได้นำภาพที่หลุดออกมา โดยเป็นภาพที่ถ่ายคู่กับหญิงสาวหน้าตาดี ต่างพุ่งไปที่ อดีตรองนายกฯ สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ชื่อ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ
สิ่งที่กลายเป็นเรื่องร้อนทำให้สังคมเกาะติดตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ที่ผ่านมา เนื่องจากทนายตั้ม แถลงข่าวระบุว่ามีลูกความมาขอให้ฟ้องร้องอดีตรองนายกฯ ที่ไปมีความสัมพันธ์กับภรรยาของลูกความ แต่ดูเหมือนว่าเรื่องราวไม่ได้จบลงแค่เรื่องในทางคดีความเท่านั้น เพราะเรื่องดังกล่าวยังทำให้พรรคเพื่อไทย ถูกตั้งคำถาม เนื่องจากเป็นอดีตรองนายกฯสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ทางด้านยงยุทธ เองได้ออกมาปฏิเสธเรื่องนี้ถึงสองครั้ง โดยผ่านยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และผ่านสื่อว่าโดยยืนยันว่าทราบเรื่องแล้ว และไม่ใช่ตนเอง อดีตรองนายกฯ มีตั้งหลายคน ขอไม่พูดเรื่องนี้อีก
อย่างไรก็ดี ประเด็นร้อนที่เกิดขึ้น ทำให้หลายคนอยากรู้จัก อดีตรองนายกฯที่ชื่อยงยุทธ ทำเอาโลกโซเชียลระอุ ทีเดียว
สำหรับยงยุทธ เกิดเมื่อ 15 ก.ค.2485 ปัจจุบันอายุ 80 ปี ที่อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี จบปริญญาตรี รัฐศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาโท รัฐศาสตรมหาบัณฑิต (เกียรตินิยม) จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ รับราชการครั้งแรก เมื่อปี 2509 ในตำแหน่งปลัดอำเภอชั้นตรี ที่อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี จากนั้นเติบโต ในกระทรวงมหาดไทย ถึงตำแหน่ง ปลัดกระทรวงมหาดไทย เกษียณอายุราชการในปี 2545
เมื่อเกษียณแล้ว ยงยุทธเข้าสู่งานการเมือง ด้วยการเป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำกระทรวงสาธารณสุข (คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์) ต่อมา นั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในปี2554
แต่แล้ว ในปี 2555 ยงยุทธประกาศลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ,ส.ส. และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เนื่องจาก อ.ก.พ.กระทรวงมหาดไทย ลงมติให้ไล่ออกจากราชการ และพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ในปี 2561