นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) หรือ AOT เปิดเผยว่า ทอท.เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีให้พิจารณาอนุญาตเปิดประมูลบริษัทให้บริการภาคพื้น (Ground Service) ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รายที่ 3 เพื่อแก้ปัญหาบริการภาคพื้นที่ไม่เพียงพอในขณะนี้ ซึ่งคาดว่าจะนำวาระเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาไม่เกินกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2566 หากได้รับการอนุมัติ คาดว่าจะสามารถดำเนินการและให้บริการได้ในเดือนเมษายน 2566 

ปัจจุบัน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธานประชุมติดตามการแก้ไขปัญหาดังกล่าวทุกสัปดาห์อยู่แล้ว ซึ่งผู้ประกอบการทั้ง 2 รายคือ บมจ.การบินไทย และบริษัทบริการภาคพื้นการบินกรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟลท์เซอร์วิส จำกัด หรือ BFS ได้นำเสนอตารางการรับพนักงานเพิ่มเติมเพื่อแก้ปัญหาบริการล่าช้าและรองรับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นแล้ว

"ปัจจุบันพบว่าการบริการภาคพื้นของ บมจ.การบินไทย มีความรวดเร็วมากขึ้น ส่วนปัญหาการรอแท็กซี่สนามบินเป็นเวลานาน ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสั่งให้แก้ไขปัญหาไปเรียบร้อยแล้วเช่นกัน" 

นายนิตินัย กล่าวอีกว่า ปัจจุบันท่าอากาศยานที่อยู่ภายใต้สังกัด ทอท. จำนวน 6 แห่งมีผู้โดยสารทั้งในและต่างประเทศใช้บริการรวมเฉลี่ยวันละ 300,000 คน โดยปริมาณผู้โดยสารในประเทศกลับมาใกล้เคียงกับก่อนการระบาดของโควิด-19 แล้ว ขณะที่เที่ยวบินต่างประเทศนั้น แม้ว่าสายการบินจากประเทศจีนยังไม่กลับมาให้บริการเต็มที่ แต่มีปริมาณผู้โดยสารกลับมาแล้วประมาณ 80% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันก่อนการระบาดโควิด-19 สูงกว่าการคาดหมายเดิมที่ประมาณการไว้ที่ราว 74%

ทั้งนี้ ทอท.ประเมินว่าในช่วงวันที่ 18-21 มกราคม 2566 จะมีเที่ยวบินจากประเทศจีนเข้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประมาณ 380 เที่ยวบิน และอาจมีผู้โดยสารสูงสุดประมาณ 100,000 คน