"อนุทิน" ยืนยันเปลี่ยนมาตรการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไม่ทำให้เกิดความสับสนตามสถานการณ์ พร้อมรายงานนายกฯ ด้าน"วรวัจน์" แนะ"รบ.-สธ." แยกแยะเปิดรับนักท่องเที่ยวจีน-คนมารักษาตัว เชื่อกวาดรายได้ 2 เด้ง
  
     ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.66 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงการปรับเปลี่ยนมาตรการรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่จะมีการปรับเปลี่ยนมาตรการต่างๆ เพราะหากเกิดความผิดพลาดก็ต้องมีการปรับ และบูรณาการทำงานใหม่ ยืนยันจะไม่สร้างความสับสนให้กับนักท่องเที่ยว หรือผู้ปฏิบัติงาน โดยมาตรการต่างๆ สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ ซึ่งหากจำเป็นต้องเปลี่ยนก็ต้องมีการพิจารณาหรือลดขั้นตอน รวมถึงมีความเข้มข้น ดังนั้นพร้อมที่จะปรับมาตรการให้เหมาะสม เนื่องจากไม่ใช่กฎหมายที่จะปรับเปลี่ยนได้ยาก หรือมีขั้นตอนที่เพิ่มมากขึ้น 
    
 นายอนุทิน กล่าวต่อว่า หากมีจังหวะที่เหมาะสมก็พร้อมที่จะรายงานต่อนายกรัฐมนตรีให้รับทราบ โดยข้อมูลต่างๆ ได้เตรียมความพร้อมให้หมดแล้ว พร้อมยืนยันว่าทุกอย่างมีหลักทางวิชาการทางการแพทย์และทางสาธารณสุข เป็นตัวกำหนดและเป็นแนวทางในการปฏิบัติ โดยมีคณะกรรมการวิชาการพิจารณา ภายใต้พระราชบัญญัติโรคติดต่อพ.ศ. 2558 และนำไปสู่การปฏิบัติให้เกิดความเหมาะสมมากที่สุด รวมถึงบูรณาการร่วมกันกับ 3 ฝ่าย ทั้งกระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึงกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งทั้งหมดอยู่ในสายงานของตนเอง ทำให้การประสานงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว
  
   ด้าน นายวรวัจน์  เอื้ออภิญญกุล คณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า  หลังจากมีเที่ยวบินแรกจากประเทศจีนเข้ามาสู่ประเทศไทยแล้วนั้น หากติดตามจากสถานการณ์จะพบว่าคนจีนที่เข้ามาส่วนหนึ่งมาเพื่อท่องเที่ยวก็จริง แต่ก็มีอีกส่วนหนึ่งที่เดินทางเข้ามาเพื่อดูแลสุขภาพเนื่องจากระบบการรักษาโควิดของจีนไม่สามารถรองรับได้ ซึ่งวันนี้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยกำลังจะเริ่มกระเตื้องดีขึ้นอย่างช้าๆแล้ว ดังนั้นเราก็ต้องระมัดระวังอย่าให้ปัญหาการระบาดของโควิดแบบเดิมๆ กลับมาซ้ำเติมระบบเศรษฐกิจของไทยอีก ทางรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขต้องดูแล และรับรองในการแยกสองส่วนนี้ออกจากกันให้ชัดเจน อย่าให้เกิดการระบาดอีกครั้งหนึ่ง เพราะจากสถานการณ์ที่ผ่านมาเราปล่อยปละละเลยจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศไทยมามากพอแล้ว อย่าให้โอกาสครั้งนี้กลับกลายเป็นวิกฤติอีกครั้งหนึ่งของไทย
    
 เมื่อถามย้ำว่า ข้อเสนอคือต้องการให้มีการจัดระบบแยกเที่ยวบินให้ชัดเลยว่าอันไหนมาเที่ยว อันไหนมารักษาตัวแบบนี้หรือไม่ นายวรวัจน์ กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องการให้มีการวางแผน และจัดให้มีกระบวนการรองรับให้ชัดเจนก่อน คืออย่าตั้งป้อมรังเกียจการเข้ามารักษาตัวโดยไม่ดูข้อเท็จจริง เพราะการที่ชาวจีนเข้ามารักษาสุขภาพก็ถือว่าเป็นรายได้ส่วนหนึ่งเช่นกัน และหลังจากมีการรักษาจนหายแล้วก็มีโอกาสที่คนกลุ่มนี้จะอาศัยอยู่ในประเทศไทยไปต่ออีกระยะหนึ่งเพื่อรอการระบาดที่จีนเบาบางลง ซึ่งส่วนนี้ก่อจะก่อให้เกิดรายได้ในการพักรักษาตัวระยะยาวเพิ่มอีกต่อหนึ่งด้วย และแม้จะเดินทางมาในเที่ยวบินลำเดียวกันก็ต้องมีกระบวนการพาไปดูแลรักษาตัวให้ด้วย 
       
"ผมให้ความสำคัญกับกระบวนการ และมาตรการที่ชัดเจน ไม่ใช่จนถึงมีเที่ยวบินเที่ยวแรกมาถึงแล้ว วันนี้ก็ยังไม่เห็นกระบวนการ หรือมาตรการอะไรเลย ซึ่งการขาดความชัดเจนเช่นนี้ ทำให้พี่น้องประชาชนเริ่มเป็นห่วงว่ารัฐบาลอาจจะละเลย  และก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจเหมือนช่วงเวลาที่ผ่านมาอีกหรือไม่  ซึ่งช่วงเวลาที่ผ่านมาประชาชนก็ส่งสัญญาณเรียกร้องถึงรัฐบาลมาโดยตลอดในเรื่องการดำเนินมาตราการป้องกันในรูปแบบต่างๆแต่ทางรัฐบาลก็บริหารจัดการผิดพลาดจนทำให้เกิดวิกฤติมาแล้ว ในหลายปีที่ผ่านมา" นายวรวัจน์ กล่าว