นี่คือภาพที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ได้บันทึกไว้ขณะที่เจ้าหน้าที่มูลนิธิสยามร่วมใจปู่อินทร์ทุ่งสง ได้พยายามช่วยชีวิตผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชายฉกรรจ์ที่ถูกยิงกลางถนนสายหมู่ 8 ตำบลชะมาย อำเภอทุ่งสง ได้รับบาดเจ็บสาหัสและได้นำตัวส่งโรงพยาบาลทุ่งสง เมื่อเวลา 03.15 น.ของวันที่ 10 มกราคม 2566 โดยผู้บาดเจ็บรายนี้มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.กระสุนโดนเข้าบริเวณใบหน้าฝังในศีรษะไม่ได้สติ
ในที่เกิดเหตุ พันตำรวจโทสมชัย รักษ์ศรีทอง พนักงานสอบสวนเวร พร้อมเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการสอบสวนที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะอีซูซุสี่ประตูสรบรอนด์ ทะเบียนสุราษฎร์ธานี พบว่าเป็นของผู้บาดเจ็บจึงเข้าทำการตรวจสอบหลักฐานที่เกี่ยวข้อง บนถนนพบรอยเลือดและปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่ 1 ปลอก ส่วนผู้บาดเจ็บนั้นทราบชื่อต่อมาคือนายวรพงศ์ (ขอสงวนนามสกุล) หรือ "เด่น" อายุ 30 ปี อยู่ ม.5 ต.ถ้ำใหญ่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เป็นน้องชายทนายความชื่อดังในพื้นที่
เจ้าหน้าที่รวบรวมข้อมูลได้ความว่า นายวรพงศ์ ผู้ได้รับบาดเจ็บได้ขับรถออกมาจากผับแห่งหนึ่ง ในตัวเมืองทุ่งสงพร้อมด้วยแฟนสาวเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้มีคู่กรณีเป็นรถเก๋งสีขาว ขับรถไล่ตามมาปาดหน้าและนายวรพงศ์ ได้ลงจากรถไปเพื่อพูดคุย แต่ปรากฎว่าคู่กรณีได้ใช้ออาวุธปืนยิงนายวรพงศ์ จนล้มลงบาดเจ็บสาหัสสภาพไม่ได้สติจากนั้นแฟนสาวที่มาด้วยกันได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าให้การช่วยเหลือ
ขณะที่ทนายความ ซึ่งเป็นพี่ชายของนายวรพงศ์ ได้ให้ข้อมูลว่าขณะนี้ทางตำรวจได้รู้ตัวคนร้ายแล้วซึ่งคนร้ายมีกันทั้งหมด 3 คน คนที่ลั่นไกยิงน้องชายเป็นทหารพรานอยู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ ผู้ก่อเหตุได้มีการโทรศัพท์มาเพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยกับน้องชายคนกลางแต่ไม่เป็นผล ส่วนสาเหตุก็มาจากเกิดการเขม่นกันในผับแต่ยังมีการไล่ตามกันมาจนเกิดเรื่องอีก
ส่วนนายณรงค์ (ขอสงวนนามสกุล) พ่อของนายวรพงศ์ ซึ่งรอติดตามฟังอาการของลูกชายคนเล็กอยู่ที่บ้านโดยมีพี่ๆ ของนายวรพงศ์ เป็นผู้คอยติดตามดูแล เปิดเผยว่า ได้ติดตามเรื่องที่เกิดขึ้นจากเพื่อนของนายวงพงศ์ ได้ความว่า เขามีปัญหากันในผับหลังจากนั้นได้แยกย้ายออกมาจากผับหลังจากตี 2 พร้อมด้วยเพื่อนๆ โดยนัดหมายกันไปกินข้าวต้ม โดยเพื่อนๆ ได้ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ส่วนนายวรพงศ์ ได้ขับรถตามไปกับแฟนเข้า จากนั้นมีการปาดหน้าดักรอกลางถนนเมื่อนายวรพงศ์ เดินลงไปจึงถูกยิงก่อนที่คู่กรณีจะหลบหนี ส่วนฝ่ายที่ยิงนั้นทราบว่ามีด้วยกัน 3 คนคนที่ยิงนั้นยิงมาจากในรถ สำหรับคดีนั้นขอให้ลูกชายคนโตที่เป็นทนายความเป็นผู้ติดตาม ส่วนอาการของนายวงพงศ์นั้น ยังสาหัสมากอยู่ในการดูแลของแพทย์