นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol ระบุว่า 

พระเบญจภาคี

1 พระะเบญจภาคีคือพระ 5 องค์ได้แก่พระสมเด็จ วัดระฆัง พระสมเด็จนางพญา พระผงสุพรรณ พระซุ้มกอและพระรอด

เมื่อประมาณ 50 ปีก่อนได้มีผู้รู้ท่านหนึ่ง ตั้งสมมุติเรื่องพระเบญจภาคีขึ้นซึ่งว่ากันว่าเป็นการตั้งภาคีเป็นครั้งแรก

แต่ในระยะหลังนี้ก็มีพบว่าพระะเบญจภาคีมีมาก่อนหน้านี้แล้ว

รวมความว่าพระเบญจภาคีนั้นเป็นสมมุติอย่างหนึ่ง ที่ผู้รู้เรื่องพระได้ตั้งสมญาเรียกขานจึงเป็นที่นิยมของบรรดานักเลงพระว่าต้องแสวงหาหรือสะสมหรือมีพระเบญจภาคี

2 ผู้นิยมหรือศรัทธาพระเครื่อง จำเป็นต้องมีพระเบญจภาคีหรือไม่?

ก็ตอบได้ว่าไม่จำเป็น เพราะสมมุติของคนหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งหาใช่สมมติโดยทั่วไปแต่ประการใดไม่

ผู้มีจิตศรัทธาในพระรัตนตรัยอาจจะมีพระเพียงองค์เดียวหรือ 2 องค์หรือ 3 องค์หรือมากกว่านั้นก็ได้สุดแต่ความนิยมเฉพาะตัว

3 ผมพอทราบเรื่องพระเบญจภาคี ก็ไม่ได้ใส่ใจสั่งสม แต่ก็มีครบเป็นเบญจภาคีตามค่านิยมที่ตั้งสมมุติขึ้นนั้น

แต่ในการแขวนพระเครื่องผมมีศรัทธาแขวนพระที่เกี่ยวกับตัวเองและแขวนพระเครื่อง 5 องค์ซึ่งมีความหมายเกี่ยวข้องกับตัวเองคือ

~ หลวงพ่อเดิมวัดเชิงเหนือซึ่งเป็นพระพุทธรูปโบราณรุ่นราวคราวเดียวกับหลวงพ่อโสธร เนื่องจากเมื่อแม่ และแม่น้าผมแต่งงานแล้วไม่มีลูก ยายจึงไปกราบขอหลวงพ่อเดิม ให้แม่และแม่น้ามีลูกผู้ชาย หลังจากนั้น 3 เดือนแม่ผมก็ตั้งท้องและอีก 3 เดือนแม่น้าก็ต้องท้องและมีลูกเป็นผู้ชายทั้งคู่ ผมจึงแขวนเหรียญหลวงพ่อเดิมวัดเชิงแสเหนือ

~เมื่อผมเป็นเด็กป่วยหนัก ท่าว่าจะไม่รอด มีอาการมาก หมอก็ไม่มี เตี่ยจึงนำผมใส่เรือเล็ก ถ่อเรือข้ามทะเลสาบสงขลาไปหาพ่อท่านเมฆที่วัดเชิงแสใต้ ซึ่งท่านเป็นพระผู้เรืองวิทยาคมมากที่สุดในยุคนั้น

พ่อท่านเมฆได้ใช้เท้าเหยียบด้านหลังบริเวณไตของผม จากนั้นผมก็หายเป็นปลิดทิ้ง ผมจึงแขวนเหรียญพ่อท่านเมฆ

~ เมื่อผมรู้ความโตขึ้นหน่อย ก๋งก็เอาไปฝากวัดอยู่กับพ่อท่านพลับ วัดระโนด ได้ร่ำเรียน ภาษาขอม คำภีร์พระมาลัย และวิชาอาคมตลอดจนร่ำเรียนเขียนยันต์ชนิดต่างๆ ถือเป็นครูบาอาจารย์องค์สำคัญของชีวิต ผมจึงแขวนเหรียญพ่อท่านพลับ ซึ่งมียันต์คาบสมุทรอยู่ด้านหลังเหรียญนี้ด้วย

~ เมื่อผมเข้ามาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯก็ได้ไปสำนักอยู่ที่วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร พึ่งใบบุญเจ้าประคุณสมเด็จ(พระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี) ตั้งแต่บัดนั้น ผมจึงแขวนพระสมเด็จวัดระฆัง แต่เป็นพระใหม่ที่สร้างในขณะนั้นโดยหลวงปู่นาค

~ เมื่อผมมีอายุครบบวชก็ได้อุปสมบทตามประเพณี โดยมีพระราชรัตนโมลีหรือพ่อท่านเส้ง วัดแหลมทราย จังหวัดสงขลา ซึ่งเคยเป็นอุปัชฌายาจารย์ของเตี่ยผมเป็นพระอุปัชฌาย์ ผมจึงแขวนพระภควัมบดีของพ่อท่านเส้ง

4 สำหรับพระสมเด็จนั้นผมแขวนมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยซึ่งแขวนพระปลอมบ้าง พระใหม่บ้าง ตลอดมา จนกระทั่งทายาทชั้นโหลน ของสมเด็จเจ้าฟ้ามหามาลากรมพระยาบำราบปรปักษ์ อดีตเสนาบดีกระทรวงวังในรัชกาลที่ 5 ท่านเมตตามอบพระสมเด็จรุ่น 8 องค์ ฝังเหล็กไหล ลงรักด้านหน้าฝังมุกจีนด้านหลัง ซึ่งสมเด็จเจ้าฟ้ามหามาลากรมพระยาบําราบปรปักษ์ได้รับพระราชทานจากพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 พระรุ่นนี้สร้างราวปีพุทธศักราช 2412 จึงได้มีและแขวนพระสมเด็จที่เจ้าประคุณสมเด็จได้สร้างเป็นครั้งแรก

แต่วันนี้ก็ต้องจัดเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี และแขวนพระสมเด็จวัดระฆังรุ่นอื่นแทน

5การแขวนพระเครื่องนั้นก็เพื่อให้คนถึงพระและพระถึงคน น้อมนำพระคุณของพระเข้าสู่จิตใจ เป็นเครื่องเตือนสติกำกับใจให้ตั้งอยู่ในความดีความงาม ให้บำเพ็ญประโยชน์ตนประโยชน์ท่านให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท พระถึงคน คนถึงพระเมื่อใด ให้สังเกตดูจากองค์พระก็ได้ ก็จะรู้เองแหละ

หากจะมีอานิสงส์หรืออานุภาพเป็นปาฏิหาริย์ ก็ต้องถือว่าเป็นวาสนาที่ได้สัมผัสกับสภาวะธรรม ที่ล่วงพ้นความสามารถของมนุษย์สามัญ

ถ้าพวกเราชาวพุทธได้ทราบและเข้าใจลักษณะนี้แล้ว ก็จะได้ไม่ตั้งอยู่ในความโลภหรือความหลงที่เป็นทางแห่งความเสื่อมในการแสวงหาหรือประสบกับความเสียหายจากเรื่องพระเครื่อง และไม่ตกอยู่ในฐานะที่เป็นเหยื่อให้ใครเขาหลอกได้ง่ายๆอีกต่อไป

#สำนักกระบี่เดียวดาย

#พระเบญจภาคี