ภายหลังจากนักร้อง-พระเอกหนุ่ม “โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์”ได้เสร็จสิ้นภารกิจว่ายน้ำข้ามโขง ได้ยอดบริจาคเกินกว่าเป้าที่ตั้งเอาไว้มาก เจ้าตัวเองก็ไม่คาดฝัน
ล่าสุดเจ้าตัวเผยถึงเรื่องการเตรียมตัวบวชเพื่อตอบแทนน้ำใจสำหรับทุกบาททุกสตางค์ที่ทุกคนร่วมกันบริจาคในครั้งนี้ด้วย
โดยโตโน่ ได้กล่าวว่า “วันที่ 9 นี้ครับ แต่ผมจะบินไปวันพรุ่งนี้เลยครับ และชาวบ้านอยากจะเจอก่อนด้วยครับ ก็อยากจะกลับไปเจอกับชาวบ้านที่จ.นครพนมด้วยครับ ตั้งใจไว้ว่าจะบวชอาทิตย์นึงนะครับ จะอยู่จำวัดที่วัดธาตุพนม 3 วัน แล้วก็จะข้ามไปจำวัดที่ทางฝั่งลาวด้วย วัดพระธาตุศรีโคดตะบอง ครับ
ที่เลือกสองวัดนี้ หนึ่งคือวัดธาตุพนมครับ ก่อนว่ายน้ำเราก็ไปไหว้ที่นั่น และผมคิดว่าเราก็อยากให้ชาวบ้านพ่อแม่พี่น้อง ผมอยากตอบแทนทุกบาททุกสตางค์ที่คนไทย คนลาวช่วยกันมา บางคนเขาอาจจะไม่มีพี่ชาย บางคนอาจจะไม่ได้มีลูกชาย คุณพ่อคุณแม่ที่ไม่ว่าจะบริจาคมา 5 บาท 10 บาท 100 บาท ผมรู้สึกว่าการบวชให้ของผู้ชายไทย มันเป็นการตอบแทนบุญคุณที่สูงสุดแล้วเท่าที่เราจะนึกออก ผมก็เลยอยากจะบวช
ก็คิดจะบวชหลังจากทำภารกิจเสร็จครับ ทั้งก่อนว่าย รวมถึงวันว่าย และหลังจากว่าย ตอนนั้นมันไม่คิดจริงๆ ว่าทุกคนจะช่วยกันเยอะขนาดนี้ และเวลาเราจะลงอินสตาแกรมผมไม่รู้จะหาคำไหนมาขอบคุณเขาจริงๆ กับความรัก ความมีน้ำใจ ความสามัคคีที่ทั้งคนไทย คนลาวมีให้กันในวันแมนเดอะริเวอร์ ผมเลยคิดว่าการบวชมันเป็นการกระทำแทนคำขอบคุณที่ชัดเจนที่สุดสำหรับความเชื่อของคนไทยครับ”
บอกชาวบ้านเตรียมจัดขบวนรำให้
“ตอนแรกผมก็ตั้งใจว่าจะปฏิบัติให้ดีที่สุดใน 7 วันนี้ แต่พอทางชาวบ้านทราบ เขาก็บอกว่าเขาขอรำให้ ผมก็เลยต้องไปตั้งแต่วันที่ 7 และผมยินดีนะครับ ไม่ได้มีความรู้สึกว่าจะเหนื่อยหรืออะไรเลย ทั้งเรื่องของการบวชเพื่อตอบแทนน้ำใจของทุกๆ คนแทนคำขอบคุณด้วย และรวมถึงผมก็นึกถึงองค์ภาฯ ด้วย ก็เลยคิดว่าด้วยระยะเวลามันประจวบเหมาะ
จะเป็นงานใหญ่ของจังหวัดเลยไหมผมไม่ทราบครับ ตัวผมเองอยากทำให้เรียบง่ายเสมอมาครับ คือถ้าทางชาวบ้านหรือจังหวัดจะจัดงานให้ยังไงก็เป็นสิทธิของเขาครับ เพราะตั้งใจไว้แล้ว คือตอนแรกก็จะจำวัดที่ฝั่งไทย แต่พอข้ามไปฝั่งลาว ไปประชุมเรื่องอุปกรณ์ทางการแพทย์ ทางคุณหมอ พยาบาล รวมถึงพี่น้องชาวลาวเขาก็อยากตักบาตร และเราก็รู้ว่าทางฝั่งลาวมมีบ้านของเด็กกำพร้า ส่วนฝั่งนครพนมมีของคนสูงอายุ ถ้าเราตักบาตรได้เยอะ ก็คงจะเอาไปมอบให้กับทั้งสองฝั่ง ทั้งไทยและลาวต่อ”
นอกจากนี้โตโน่ยังได้ตอบคำถามในประเด็นเรื่องโดดน้ำหรือท่าสตาร์ทรถจะกลายเป็นกระแส
“ไม่มีอะไรเลยครับ จริงๆ แล้วผมไม่คิดเลยนะว่าผมต้องมาตอบเรื่องนี้ คือเรื่องโดดน้ำนี่เราก็เคยโดดมาแล้วนะ สตาร์ทมอเตอร์ไซค์เราก็สตาร์ทมาเป็น 10 ปีแล้ว แต่อาจจะเป็นเพราะว่าเดี๋ยวนี้มีติ๊กต๊อก โซเชียลมันมากขึ้น เราก็ดูแล้วตอนกลางวัน คือไมค์ตัวนี้มันมีปัญหาเวลาเล่นในที่แคบ แล้วเราจะเปลี่ยนไมค์ใหม่อยู่แล้ว เราสั่งไมค์ใหม่เอาไว้แล้ว เราจะได้ไมค์ใหม่อีกวันนึง แต่เราไม่คิดว่าเราจะต้องมาตอบว่าโดดน้ำทำไม เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นต้องตอบว่าผมทำอะไร
แต่จริงๆ ดูไว้ตั้งแต่ตอนซาวด์เช็กแล้วครับ ไปดูแล้วว่ามันลึกขนาดไหน แต่ตอนไปดูไม่ได้โดดนะ แต่ถามเขาแล้วว่าเคยมีคนโดดไหม ก็มีคนเคยโดด และเราก็คิดไว้แล้วว่ามันน่าจะสนุกนะ ถามว่าเจ็บไหม ไม่เจ็บครับ แต่ถ้าลงไปแล้วยืน เจ็บครับ เพราะมันสูง เข่าผมกับข้อเท้าผมน่าจะเจ็บ
อารมณ์ตอนนั้นอยากจะเอ็นเตอร์เทนคนดูด้วยครับ เพราะเพื่อนๆ ก็มีความสุขที่มาดู และมันก็เป็นคอนเสิร์ตที่ขอนแก่นบ้านผมด้วย ก็ดีใจนะครับ ดีใจกับทางร้าน คนไปตามหาร้านกัน และเป็นเพลงสุดท้ายที่เราร้องด้วย จริงๆ มันจบโชว์ไปแล้ว และมีคนขอให้เล่นเพลงวันเกิด แล้วผมก็มีความรู้สึกว่าเพลงวันเกิดมันไม่น่าจะสนุกเท่า 30 ยังแจ๋ว ผมก็เลยเล่นเพลงนั้น แล้วก็โดด แต่เจ้าของร้านคงคิดว่าผมพูดเล่นมั้งครับ เพื่อนร่วมวงถามว่าเซอร์ไพรส์ไหม ถ้าสมาชิกใหม่บางคนอาจจะตกใจ แต่เพื่อนๆ ที่เคยเห็นกันมาก็เคยครับ เคยโดดนะ ไม่ใช่ครั้งแรก มีเคยสูงกว่านี้ด้วย น้ำลึกกว่า”
ไม่โกรธที่มีคนมาทำเลียนแบบตน
“พี่แจ๊ส ชวนชื่นบอกว่าไม่ต้องโดดน้ำแล้วเหรอ ก็ต้องขอโทษพี่แจ๊สด้วยครับ แต่ไม่ได้ทักหาเลย ไม่คิดจริงๆ ครับ อย่างสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ก็ไม่คิดว่าจะฟีตแบ็กเยอะขนาดนี้ ก็ตกใจ ก็มีคนมาให้สอนเหมือนกัน แต่จริงๆ แล้วมันเป็นการแค่นับจังหวะ 1 2 3 4 แต่อันนั้นมันเป็นเรื่องของงาน เรื่องของอาชีพ และอารมณ์บนเวที แต่ถ้าผมเป็นอย่างนั้นตลอดเวลาผมคงเหนื่อยมากเลยนะ (หัวเราะ) เรามีหลายหน้าที่เนอะ
ไม่ได้โกรธใครเลยครับ คือผมไม่ได้มีลิขสิทธิ์ท่า และเราเลือกได้ว่าเราจะตอบสนองยังไง และผมเป็นคนให้เกียรติคนเสมอมา ผมเลือกได้ เราอาจจะเลือกเกิดไม่ได้ เราอาจจะเกิดมารวยหรือจน เกิดมาเป็นผู้ชาย ผู้หญิง อยากจะเกิดมาเป็นเพศไหน เราเลือกไม่ได้ แต่เราเลือกได้ว่าเราอยากจะเป็นคนแบบไหน จะมีตำนานใหม่ๆ ไหม ผมไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเป็นตำนานอะไร ผมแค่ทำงานของผมให้เต็มที่ เพื่อคนที่เขาอุตส่าห์เสียเงินมาดูผมครับ”
ขอบคุณข้อมูล เพจเฟซบุ๊ก NineEntertain