ต้อนรับศักราชใหม่ 2566 หลายคนวางแผนเดินทางไปเที่ยวพักผ่อน ซึ่งมีหลากหลายเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจ หนึ่งในนั้นก็คือจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติ นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวตลอดทั้งปี หากมีโอกาสเดินทางมาเที่ยวังหวัดแม่ฮ่องสอน ขอเชิญชวนทุกท่าน ไปทำบุญ อิ่มใจต้อนรับปีใหม่ ที่วัดพระนอน 

พระกนฺตธมฺโม ( กันตะธรรมโม ) เจ้าอาวาสวัดพระนอน ได้เจริญพรเล่าประวัติความเป็นมาของวัดพระนอน ว่า... วัดพระนอน ตั้งอยู่ในเขตตำบลจองคำ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน อยู่ทางทิศตะวันตกของตัวเมือง ติดบริเวณเชิงเขาทางขึ้นวัดพระธาตุดอยกองมู  

วัดพระนอน เป็นวัดสำคัญ มีพระนอนองค์ใหญ่ที่สุดของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ศิลปะไทใหญ่ ยาว 11 เมตร 99 เซนติเมตร ประดิษฐานอยู่ในศาลาการเปรียญ( วิหาร ) ของวัดพระนอน สร้างโดย พญาสิงหนาทราชา เจ้าเมืององค์แรกของแม่ฮ่องสอน พี พ.ศ.2418 ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้รับพระราชทานวิสูงคามสีมา วันที่ 18 มีนาคม พ.ศ.2469     

วัดพระนอนแห่งนี้ ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นปูชนียสถาน คู่บ้านคู่เมืองแม่ฮ่องสอน เป็นวัดที่มีเจ้าอาวาสอยู่เป็นประจำมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2430 จนถึงปัจจุบัน ในอดีตกาล ข้าราชการทุกหน่วยงาน ต้องมาทำพิธีดื่มน้ำพิพัฒสัตยาที่วัดแห่งนี้เสมอมิได้ขาด ก่อนเข้าทำงานในแต่ละหน่วยงาน    

วัดพระนอน มีสิ่งสำคัญและแหล่งเรียนรู้มากมาย อาทิเช่น

1.เจ้าพลากิง หรือองค์พระนอน พระพุทธรูปปางไสยาสน์ พระประธาน สร้างแบบศิลปะไทใหญ่  ผสมศิลปะพม่า ยาว 11 เมตร 99 เซนติเมตร สร้างโดยพญาสิงหนาทราชา เจ้าเมืององค์แรกของแม่ฮ่องสอน ปี พ.ศ.2417 

2.ส่างซี่ หรือ สิงห์คู่ใหญ่ คู่เมืองแม่ฮ่องสอน อยู่ด้านหลังวิหารทางเดินขึ้นวัดพระธาตุดอยกองมูเดิม สร้างโดยเจ้านางเมี๊ยะ ชายาของพญาสิงหนาทราชา เจ้าเมืององค์ที่ 2 ราว พ.ศ.2430 และได้อุทิศถวายพร้อมกัน กับองค์พระนอน ในปี พ.ศ.2430 ในวันเพ็ญเดือน 6 ขึ้น 15 ค่ำ ตรงกับวันวิสาขบูชา ซึ่งกลายมาเป็นงานประเพณีก่อเจดีย์ทรายมิ่งเมือง จนถึงปัจจุบันนี้

3.สิ่ม หรืออุโบสถ สร้างโดยเจ้าเมืองผู้ปกครองเมืองแม่ฮ่องสอน องค์ที่ 3 คือพญาพิทักษ์สยามเขต ร่วมกับประชาชน เมื่อปี พ.ศ.2469 เพื่อใช้เป็นที่ทำสังฆกรรมของพระสงฆ์ ถือเป็นอุโบสถแห่งแรกของเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นศิลปะแบบไทใหญ่ รูปทรงปราสาท อาคารกึ่งไม้และคอนกรีต หลังคามุงสังกะสีทรงจตุรมุข ประกอบด้วยลวดลายปานซอย  กว้าง 9 เมตร สูง 20 เมตร 

4.อนุสาวรีย์ที่บรรจุอัฐิ ของเจ้าเมืองแม่ฮ่องสอน ทุกพระองค์ คือ องค์ที่ 1-4 และญาติ ๆ สร้างโดยเจ้าเมืองแม่ฮ่องสอน องค์ที่ 4 คือ พญาพิศาลฮ่องสอนบุรี ( ขุนหลู่ ไพศาล ) และญาติ ๆ เมื่อปี พ.ศ.2427-2482

5.พิพิธภัณฑ์เจ้าคุณโสภณสามัคคีนุสรณ์ ประธานสร้างคือ เจ้าคุณโสภณวราภรณ์ ปัจจุบันคือ พระธรรมมงคลเจดีย์ เจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม  หลวงพ่อพระครูอนุสนธิ์ศาสนกิจ ( หลวงพ่อศาสน์ ) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระนอนองค์ที่ 7 และคุณวีรยุทะ ตรีทอง ร่วมกันสร้าง ในปี พ.ศ. 2533 ประกอบด้วยพระเครื่อง พระพุทธรูปโบราณ ถ้วยชามเก่าของเจ้าเมือง เครื่องใช้ต่าง ๆ พร้อมด้วยวัตถุโบราณ และอื่นๆ ทั้งเก่าและใหม่ ที่หาดูได้ยาก ที่สะสมมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2524-2553 จัดสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อเป็นสถานที่ศึกษาและเรียนรู้ประวัติศาสตร์แก่ชนรุ่นหลัง

6.พระยืนปางห้ามญาติ สร้างเมื่อปี พ.ศ.2429 เป็นพระประจำวันจันทร์ และเป็นพระประจำวันเกิดของเจ้าแม่นางเมี๊ยะ แกะด้วยไม้สักทอง ยาว 9 ศอก ประดิษฐานไว้บนถ้ำศักดิ์สิทธิ์กลางภูเขา เจ้าแม่นางเมี๊ยะได้สร้างพระยืนปางห้ามญาติ โดยมีความเชื่อว่าให้ดูแลชาวเมืองแม่ฮ่องสอน ให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข เป็นที่น่าเสียดายว่า พระยืนปางห้ามญาติที่ทำด้วยไม้สักทองนั้น ต่อมาถูกไฟไหม้หมดไป ทางวัดได้สร้างขึ้นใหม่ด้วยอิฐและปูนแทนไว้ เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2499 โดยครูบาวิสุทโธ ( พระส่าง ) ผู้ดูแลวัดในสมัยนั้น เป็นเจ้าศรัทธา และพระอ่องมิ้นเป็นผู้ปั้น ( ส่าหล่า )      

วัดพระนอนแห่งนี้ ยังมีตำนานเล่าว่า มีถ้ำศักดิ์สิทธิ์ ก่อน พ.ศ.2400 สามารถเข้าไปชมได้ เป็นที่เก็บแก้วแหวนเงินทอง ของมีค่าของเจ้าเมือง ซึ่งมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น เมื่อประมาณปี พ.ศ.2459  ก้อนหินขนาดใหญ่ได้หล่นและกลิ้งลงมาจากพระธาตุดอยกองมูลงมาปิดปากถ้ำไว้ ล้อมรอบด้วยอิฐแดงโบราณเท่านั้นจนกระทั่งปัจจุบันยังไม่มีใครหาปากทางเข้าถ้ำดังกล่าวพบ เนื่องจากก่อนหน้านั้นมีการเล่าขานว่ามีกลุ่มคนต่างถิ่นพากันลอบเข้าไปขโมยแก้วแหวนเงินทองในถ้ำดังกล่าวทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ลงโทษด้วยการปิดตายปากถ้ำทางเข้าและไม่มีใครสามารถหาพบเจอทางเข้าได้อีกต่อไป