ลีลาชีวิต / ทวี สุรฤทธิกุล
ชีวิตไม่ได้เกิดมาเพื่อเลือกความรัก แต่ความรักต่างหากที่เลือกชีวิตให้เรา
ในวัย 40 ปี หลังจากทำงานไป 19 ปี เปลี่ยนงานไปแล้ว 4 บริษัท ไชยาจึงพบเนื้อคู่ที่ตกลงแต่งงานกัน ระหว่างนั้นก็พยายาม “เลือก” ว่าที่ภรรยาอยู่เกือบ 10 คน
สองคนแรกเป็นสาวที่ทำงานด้วยกันในบริษัทที่เขาเข้าทำงาน ในบริษัทแห่งแรกและแห่งที่สองตามลำดับ ส่วนมากก็นัดกันไปทานข้าวและเที่ยวด้วยกันแก้เหงา เพราะไชยาเองก็รู้ว่าเขายังไม่พร้อม ความสัมพันธ์จึงจบลงแบบไม่มีอะไรบาดหมาง ต่อมาในบริษัทแห่งที่สองนั้น เขาก็ได้พบกับสาวนอกออฟฟิศ เธอเป็นวิทยากรจากสถาบันฝึกอบรมชื่อดัง ซึ่งมี “สเปก” เป็นที่ถูกใจไชยาอย่างยิ่ง ทั้งสวยทั้งสง่า และที่สำคัญคือเก่ง ไชยาคลั่งไคล้มาก พยายามหาเรื่องติดต่อเธออยู่โดยตลอด จนได้ไปทานข้าวและท่องเที่ยวด้วยกัน พอจะพาเธอเข้าบ้านไปบอกกับแม่ เขาก็ต้องพบกับความผิดหวัง เพียงเพราะเธอมีอายุมากกว่าเขา ซึ่งแม่ให้เหตุผลสั้น ๆ ว่า “ไม่ดี” กว่าเขาจะตัดใจจากสาวคนนี้ได้ก็ต้องใช้เวลาอยู่นาน และเขาก็ไม่พูดกับแม่ไปเป็นปี
ตอนที่เขาย้ายมาทำงานที่บริษัทแห่งที่สาม เหตุผลหนึ่งก็เพื่อให้ลืม “เธอ” นั้นด้วย ระหว่างนั้นเขาก็เที่ยวมีความสัมพันธ์กับสาวแบบที่มีอาชีพในเรื่องการเอาอกเอาใจ อย่างที่เรียกในสมัยนี้ว่า “เอ็นเตอร์เทน” อยู่ 2 - 3 คน และคิดว่าจะไม่จริงจังกับใคร แต่เขาได้มาเจอสาวคนต่อมาที่สเปกคล้าย ๆ กันกับคนที่เขาอยากลืม ผิดแต่ว่าหน้าตาไม่ได้สวยเท่า เธอเป็นผู้บริหารที่มีตำแหน่งสูงกว่าเขา แน่นอนว่าอายุก็มากกว่าเขาด้วย ซึ่งเขาก็รู้ปัญหาว่าแม่ของเขาก็คงจะไม่เห็นด้วยอีกนั่นแหละ เขาจึงพยายามสร้างความสัมพันธ์แบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งเธอคนใหม่นี้กว่าจะรู้ว่าไชยามาชอบเธอแบบหนุ่มสาวก็ผ่านไปกว่า 2 ปี และเธอก็ชอบเขาเช่นกัน ทั้งนี้เธอเองก็มีประสบการณ์ที่มีครอบครัวมาแล้วครั้งหนึ่ง ที่ก็มีปัญหาเกี่ยวกับความเยาว์วัย เธอจึงไม่ได้รีบร้อนที่จะรวบรัดเรื่องการแต่งงานกับไชยา ยิ่งรู้ว่าไชยามีปัญหาเรื่องแม่ เธอก็ยิ่งเข้าใจดีในเรื่องนี้
คบกันได้สัก 4 ปีจนไชยาอายุ 33 ปี ไชยาก็มาบอกเธอว่าแม่มาถามว่าเขาคบใครอยู่หรือไม่ เพราะอายุสมควรที่จะมีครอบครัวได้แล้ว พอเขาบอกกับแม่ว่าคบกับเธอที่เป็นผู้บริหารในบริษัท แม่ก็ไม่ว่าอะไร แต่พอบอกว่ามีอายุมากกว่าแม่ก็ออกอาการขัดขวางอีก ซึ่งเขาก็ทะเลาะกับแม่ในเรื่องนี้มาก เขามองว่าแม่ไม่มีเหตุผล ที่สุดเขาได้ออกมาอยู่ข้างนอก โดยดาวน์บ้านที่หวังจะให้เป็นเรือนหอ ทั้งสองคนมา “อยู่กิน” ด้วยกันอย่างมีความสุขในระยะแรกโดยยังไม่ได้แต่งงาน สัก 2 ปีผ่านไปก็มีปัญหา เพราะพอเขาอยากจะมีลูกกับเธอ เธอก็บ่ายเบี่ยง จนเขาทราบต่อมาว่าเธอมีปัญหาเกี่ยวกับมดลูก ซึ่งเขาเองก็เสียใจมาก เขาปลอบเธอว่าจะไปหารับเด็กมาเลี้ยง แต่เธอก็ไม่ตกลง ที่สุดเธอบอกกับเขาในวันหนึ่งว่าเธอจะไม่ขัดขวางอนาคตของเขา และเธอกำลังจะต้องไปทำงานในตำแหน่งที่สูงขึ้นยังต่างประเทศ ทั้งสองแยกกันด้วยดี ซึ่งต่อมาเขาก็ทราบว่าเธอได้คู่ครองใหม่เป็นชาวต่างชาติในประเทศนั้น และเธอก็มีความสุขมาก ที่สุดเขาก็คิดว่าเขาทำใจได้แล้ว
คนที่ห้า หก และเจ็ด เป็นคนที่แม่หามาให้เขาเลือก แต่ละคนคบกันได้ไม่ถึงปี คนแรกเป็นลูกข้าราชการผู้ใหญ่ ที่พ่อแม่หวงมาก ไชยาเข้ากับพ่อแม่ของฝ่ายหญิงได้ดี แต่ฝ่ายหญิงดูเหมือนจะมีความทะเยอทะยานมาก และค่อนข้างจะเอาแต่ใจ แม้ว่ารูปร่างหน้าตาจะถูกใจเขามาก ๆ เมื่อแม่รู้ว่ายังไม่ถูกใจก็แนะนำให้เขารู้จักกับสาวในแวดวงไฮโซ คนนี้ดูเหมือนจะ “โลกสวย” ไปเสียทั้งหมด เธอบอกกับเขาว่าเธอมีแฟนมาแล้วหลายคน เธอกำลังเลือกผู้ชายอยู่เหมือนกัน และเธอจะมีความสุขมากถ้าไชยาเข้ากับเธอได้ดี นั่นก็หมายถึงการยอมตามเธอและใช้ชีวิต “สบาย ๆ” ตามแบบของเธอ แรก ๆ เขาก็พยายามที่จะทำตาม แต่พอนานเข้าก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ตัวตนของเขา แล้วก็เป็นไปอย่างเช่นเคย แม่ได้แนะนำสาวคนใหม่อีกคนหนึ่งให้เขา
แม่คงจะพอรู้ว่าสเป็คของไชยาเป็นอย่างไร ทีนี้เธอหาสาวที่มีอายุมากกว่าไชยานิดหน่อย แต่มีความสวยแบบที่ไชยาบอกว่าถูกใจ สาวคนนี้เป็นลูกสาวของเพื่อนแม่เอง เธอเป็นคนที่มีนิสัยดีมาก เอาใจเก่งและรู้ใจไชยาค่อนข้างดี ซึ่งเขาเดาเอาเองว่าแม่ของเขาคงแอบบอกและแอบเชียร์อยู่โดยตลอด คนนี้คบกันได้นานเกือบสองปี แต่สุดท้ายก็ “ความแตก” ว่าเขากลายเป็น “เกม” ของฝ่ายหญิงที่จะเอาชนะเพื่อนชายอีกคนหนึ่ง โดยที่แม่ของเธอและแม่ของเขาก็ไม่รู้ เธอใช้ไชยาเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นผู้ชายอีกคน และเมื่อเธอทำสำเร็จ เธอก็ค่อย ๆ เผยให้ไชยาได้รู้ ซึ่งไชยาก็เจ็บปวดมาก แต่ความเจ็บปวดนั้นก็ไม่เท่ากับความอับอาย เพราะมันเป็นความอายที่เกี่ยวเนื่องด้วยความจริงใจที่เขามีให้กับเธอไปจนเกือบหมดใจ
เขาโกรธกับแม่อีกครั้ง แล้วเขาก็ย้ายงานไปทำที่ต่างจังหวัด และช่างเป็นจังหวัดที่มีมนต์เสน่ห์ในเรื่องความโรแมนติคต่าง ๆ มาก ทั้งวัฒนธรรมที่เก่าแก่เสียยิ่งกว่ากรุงเทพฯ อากาศดี ดอกไม้งาม ที่สำคัญหญิงสาวก็สวยเด่นสะดุดตา อย่างที่เรียกกันว่า “เอื้องเหนือ” ตอนนั้นเขามีตำแหน่งลำดับสูงแล้ว เมื่อมาอยู่ในต่างจังหวัดก็ได้พักอยู่ในอพาร์ตเมนท์หรูในเครือข่ายของโรงแรมระดับ 5 ดาว เธอเป็นแค่รีเชฟของโรงแรม แต่ท่าทางของเธอดูเหมือน “นางพญา” เขาชอบมานั่งดื่มและทานอาหารในโรงแรมนั้น เพียงครั้งแรกที่ได้เห็นเธอก็เหมือนต้องมนต์ ซึ่งเขาเคยอ่านในหนังสือว่าอาการอย่างเขานั้นคือต้องคาถา “นะจังงัง” มันมึนงงอยู่นาน กว่าที่เขาจะค่อย ๆ รวบรวมสติสั่งเครื่องดื่ม และบอกให้เธอจองโต๊ะอาหารให้
ความสัมพันธ์กับเธอที่เขาเรียกว่า “มนต์รักแม่ระมิงค์” เป็นไปอย่างหวานชื่นอย่างรวบรัดรวดเร็ว เขาออกมาซื้อบ้านอยู่กับเธอที่ชานเมือง ซื้อรถยนต์ให้เธอแบบว่ายอมทุ่มเทสุดชีวิต มีเพียงอย่างเดียวที่เธอไม่ยอมคือเปลี่ยนงาน บางทีเธอก็บอกว่าเธอต้องไปทำงาน ณ อีกโรงแรมหนึ่งที่เป็นเครือข่ายกันแต่อยู่อีกจังหวัดหนึ่ง ซึ่งเขามารู้ภายหลังว่าเธอมีผู้ชายอีกคนและมีความร่ำรวยกว่าเขามาก เขาบอกเลิกกับเธอในวันหนึ่ง ซึ่งก็ดูเหมือเธอไม่ได้เสียใจอะไร ซึ่งเขานั้นก็ไม่ได้เสียใจเช่นกัน เพียงแต่ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอผู้หญิงที่ “สุดยอด” แบบนั้น โดยในเวลาต่อมาที่เขาได้เจอกับ “ดอกเอื้อง” ดอกนั้น ซึ่งก็ยังอยู่โรงแรมแห่งเดิม เขาก็ยังเข้าไปทักทายเธอด้วยดี และก็ดูเหมือนว่าเธอยิ่งสวยและ “นะจังงัง” ไม่เสื่อมคลาย เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้หลงเสน่ห์ของเธออีกต่อไปแล้ว
ที่บ้านเชียงใหม่ เขามีแม่บ้านมาช่วยดูแลบ้านอยู่คนหนึ่ง เธอเป็นคนที่แม่หามาให้ บอกว่าเป็นหลานของ “ระพี” เพื่อนของแม่ที่เคยอุ้มไชยามาในตอนเด็ก ๆ ที่ไชยายังจำกลิ่นกายที่หอมละมุนละไมนั้นไม่ลืม ระพีเป็นคนเชียงใหม่และเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว หลานสาวคนนี้เป็นลูกของน้องสาวของระพี มีอายุพอ ๆ กันกับไชยา แม้ว่าจะไม่สวยเท่าระพีหรือสาวเหนืออื่น ๆ แต่ก็เหมือนมี “เสน่ห์” บางอย่างที่รุนแรง บางทีอาจจะเป็น “ภาพฝัง” ในวัยเยาว์ที่เขาเคยอยู่ในอ้อมแขนของระพี หรือเป็น “ภาพฝัน” ในเวลาที่ผ่านมาไม่นาน ที่ฝันถึงความหอมหวานของเอื้องเหนือในโรงแรมดอกนั้น
เธอชื่อ “ลดาวัลย์” แปลว่า “ไม้เลื้อย” หรือว่าเธอจะเลื้อยมาร้อยรัดชีวิตเขาไว้ได้
ขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/DoiSuthepPuiNP/photos