เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.65 ดร.ธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายพัฒนากฎหมาย สำนักงานวิชาการ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวให้ความเห็นข้อกฎหมาย ถึงสาระสำคัญที่น่าสนใจโดยสังเขปของพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย ฯ ความว่าพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 25 ต.ค.65 จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ.66 เป็นต้นไป

โดยการบัญญัติ พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายฯ มาบังคับใช้นี้ เพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (Convention Against Torture and other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment (CAT) )

ซึ่งประเทศไทยเข้าเป็นภาคีโดยการภาคยานุวัติ เมื่อวันที่ 2 ต.ค.50 และมีผลบังคับใช้กับประเทศไทยเมื่อวันที่ 1 พ.ย.50 และอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับให้หายสาบสูญ (International Convention for the Protection of All Persons from Enforced Disappearance (CED) ) ซึ่งประเทศไทยลงนามในอนุสัญญาแล้ว เมื่อวันที่ 9 ม.ค.55 แต่ยังไม่ได้ให้สัตยาบันเพื่อเข้าเป็นภาคีในอนุสัญญา

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ประเทศไทยเพียงแต่ลงนามในอนุสัญญาเท่านั้น แต่ยังไม่ได้ให้สัตยาบันเข้าเป็นภาคี ทำให้ประเทศไทยยังไม่ผูกพันตามพันธกรณีในอนุสัญญาฉบับนี้ (CED) แต่ตามอนุสัญญาเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ.1969 มาตรา 18 กำหนดให้ประเทศไทย ซึ่งลงนามในอนุสัญญาแล้วต้องผูกพันที่จะหลีกเลี่ยงการกระทำใด ๆ อันเป็นการทำลายวัตถุประสงค์และความมุ่งหมายของอนุสัญญานี้ด้วย

พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายฯ เป็นกฎหมาย ที่ใช้บังคับกับการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐใน 3 ฐานความผิดดังต่อไปนี้ 1.การกระทำความผิดฐานกระทำทรมาน 2.การกระทำความผิดฐานกระทำการที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และ 3.การกระทำความผิดฐานกระทำให้บุคคลสูญหาย

สาระสำคัญที่น่าสนใจของ พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายฯ กล่าวโดยสังเขปเฉพาะประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้

1.กำหนดให้มีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธาน และมีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม รับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการ

2.เมื่อมีการควบคุมตัวบุคคลใด เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบจะต้องบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องในขณะจับและควบคุมตัว จนกระทั่งส่งตัวให้พนักงานสอบสวนหรือปล่อยตัวบุคคลดังกล่าวไป

3.เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐควบคุมตัวบุคคลใด เจ้าหน้าที่ของรัฐจะต้องแจ้งอัยการและนายอำเภอในท้องที่ที่มีการควบคุมตัวโดยทันที สำหรับในกรุงเทพมหานครให้แจ้งอัยการและผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง

หากอัยการ นายอำเภอ หรือ ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ผู้รับแจ้ง แล้วแต่กรณี เห็นว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่า จะมีการทรมาน การกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือการกระทำให้บุคคลสูญหาย ให้ยื่นคำร้องต่อศาลท้องที่ที่มีอำนาจพิจารณาคดีอาญา เพื่อให้ศาลมีคำสั่งยุติการกระทำดังกล่าว เมื่อศาลได้รับคำร้องแล้ว ให้ศาลไต่สวนฝ่ายเดียว

4.เมื่อบุคคลใดพบเห็นหรือทราบการทรมาน การกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือการกระทำให้บุคคลสูญหาย สามารถแจ้งพนักงานฝ่ายปกครอง อัยการ พนักงานสอบสวน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย หรือคณะอนุกรรมการที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการฯ ได้โดยทันที

ทั้งนี้ ให้ผู้รับแจ้งดังกล่าวข้างต้นยื่นคำร้องต่อศาลท้องที่ที่มีอำนาจพิจารณาคดีอาญา เพื่อให้ศาลมีคำสั่งยุติการกระทำดังกล่าว และเมื่อศาลได้รับคำร้องแล้ว ให้ศาลทำการไต่สวนฝ่ายเดียว

5.นอกจากพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาแล้ว ให้พนักงานฝ่ายปกครองชั้นผู้ใหญ่ พนักงานฝ่ายปกครองตำแหน่งตั้งแต่ปลัดอำเภอหรือเทียบเท่าขึ้นไปในสังกัดกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และอัยการ เป็นพนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนและรับผิดชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และดำเนินคดีความผิดตาม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายฯ และความผิดอื่นที่เกี่ยวพันกัน

6.ในกรณีที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษทำการสอบสวนคดีความผิดตาม พ.ร.บ. นี้คดีใดให้คดีนั้นเป็นคดีพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ

7.กรณีการสอบสวนที่กระทำโดยหน่วยงานอื่นที่ไม่ใช่อัยการ ให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบแจ้งเหตุแห่งคดีให้อัยการทราบ เพื่อให้อัยการเข้าตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวนโดยทันที

8.ให้พนักงานสอบสวนหรืออัยการแล้วแต่กรณี แจ้งให้ผู้เสียหายทราบถึงสิทธิที่จะเรียกค่าสินไหมทดแทนอันเนื่องมาจากการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. นี้ และสิทธิที่จะได้รับความช่วยเหลือทางกฎหมาย ในกรณีที่ผู้เสียหายมีสิทธิและประสงค์ที่จะเรียกค่าสินไหมทดแทน ให้อัยการเรียกค่าสินไหมทดแทนแทนผู้เสียหายด้วย

9.ให้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเป็นศาลที่มีเขตอำนาจเหนือคดีความผิดตาม พ.ร.บ. นี้