ผู้เขียน จาง เย่ชิง

โลกปัจจุบันกำลังอยู่ในสถานการณ์เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบร้อยปี ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความคิดของบุคคลใดๆ การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องจำเป็นระหว่างการพัฒนาประวัติศาสตร์และสังคมของมนุษย์ จีนและผู้นำจีน มองการเปลี่ยนแปลงของโลกด้วยเจตจำนงที่แข็งแกร่งของประเทศ รับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกด้วยการยืนหยัดด้านการเมือง ตอบรับความท้าทายจากโลกด้วยความสามารถด้านการรักษาความสมดุล แสวงหาการพัฒนาจากความสงบ แสวงหาการปรับเปลี่ยนจากการพัฒนา แสวงหาความมั่นคงจากการเปลี่ยนแปลงและแสวงหาชัยชนะจากความมั่นคง ยืนหยัดตัวตนและอยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์กับสิ่งแวดล้อมรอบข้าง อยู่ร่วมกับสภาวะแวดล้อมอย่างสมานฉันท์เพื่อรับมือกับสภาพการครองความเป็นเจ้าของฝ่ายอื่น ชัยชนะทีละเล็กทีละน้อยจนบรรลุชัยชนะใหญ่ ใส่ใจกิจการที่เกี่ยวกับอนาคตของพรรคฯ และประเทศ กิจการเกี่ยวกับการฟื้นฟูของประชาชาติจีน ความผาสุกของประชาชน และความมั่นคงถาวรของสังคม ใช้ความพยายาม เพื่อบรรลุความก้าวหน้า เรื่องที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ก็คือต้องวางประชาชนอยู่ในใจตลอด

"เต้าเต๋อจิง" หรือ "คัมภีร์เต๋า" ของจีนที่เชื่อกันว่าแต่งโดยเล่าจื๊อระบุว่า “นักบุญจะไม่ตัดสินเรื่องใดจากเจตจำนงของตน หากจะคิดแทนประชาชนเสมอ” ทั้งนี้แสดงถึงแนวคิด “ความปรารถนาทั้งหมดของประชาชน” ก็คือ “ความปรารถนาทั้งหมดของนักบุญ” ความใฝ่ฝันที่จะบรรลุ “ความสามัคคีที่ยิ่งใหญ่ในสังคม” ของจีน ได้แสดงถึงความคิดที่เป็นคนดีและมีจิตใจดีในวัฒนธรรมดั้งเดิมของจีนอย่างลึกซึ้ง แนวคิดของจีนสอดคล้องกับความใฝ่ฝันและความปรารถนาร่วมกันของมวลมนุษยชาติ ย่อมจะกลายเป็นแรงกระตุ้นด้านจิตใจที่มนุษย์ทั่วไปยอมรับได้

ข้อเสนอที่สอดคล้องกับความปรารถนาของประชาชนทั่วไป ย่อมจะเป็นที่ยอมรับของประชาชนทั้งหลาย การมีผู้นำที่เข้าใจและยอมรับทฤษฎีความจริงก่อนคนอื่น นำประชาชนทั่วไปปฏิบัติตามทฤษฎีนั้น เป็นวิถีทางพื้นฐานของ “ปรัชญาเน้นประชาชน” ลัทธิมาร์กซ์ที่จีนได้แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ปรัชญา เศรษฐศาสตร์การเมือง และลัทธิสังคมนิยมทางวิทยาศาสตร์ การผสมทฤษฎีความจริงทางลัทธิมาร์กซ์กับสภาพความเป็นจริงของจีนและวัฒนธรรมดั้งเดิมของจีน รวมทั้งการเชื่อมต่อการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยนั้น ถือเป็นระเบียบวิธีเชิงปรัชญาของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน และเป็นแนวคิดด้านการปฏิบัติการของประชาชนจีนระหว่างการใช้ความพยายามเพื่อความก้าวหน้าอีกด้วย ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงสงครามปฏิวัติหรือช่วงการสร้างความทันสมัยก็ตาม สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะยึดถือแนวคิดของลัทธิมาร์กซ์ จัดการกิจการของจีนด้วยระเบียบวิธีของลัทธิมาร์กซ์ และเข้าใจแนวคิดที่เกี่ยวข้องมากขึ้นระหว่างการปฏิบัติ สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนมองกิจการด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม เป็นหนึ่งเดียว แสวงหาความจริงจากข้อเท็จจริง ส่งเสริมการพัฒนาขนาดใหญ่จากการผลักดันในด้านเล็กต่างๆ แก้ไขข้อขัดแย้งที่เกิดขึ้นด้วยรูปแบบและวิธีการที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว อาศัยกำลังของประชาชน แก้ไขอุปสรรคด้วยวิธีที่เหมาะสม ยืนหยัดผลักดันความก้าวหน้าด้านการเมือง การพัฒนาเศรษฐกิจ และการก่อสร้างทางสังคมให้ควบคู่กันไปอย่างสอดประสาน

ประธานเหมา เจ๋อตง ได้สรุปผลการปฏิวัติและการสร้างประเทศของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนว่า “มีแต่ประชาชนเท่านั้น จึงเป็นกำลังพื้นฐานกระตุ้นการพัฒนาสังคม” ซึ่งได้พิสูจน์ว่าค่านิยมของลัทธิมาร์กซ์คือ ต้องให้ความสำคัญกับประชาชน เจตจำนงที่ดีของผู้นำจีนมาจากที่ไหน สนับสนุนด้วยอะไร ทั้งนี้ต้องเข้าใจถึงประวัติการพัฒนาของพวกเขาว่า จากผู้เผยแพร่และผู้ปฏิบัติของลัทธิมาร์กซ์ มาเป็นผู้สืบทอดและผู้พัฒนาลัทธิมาร์กซ์ในจีนยุคใหม่

การพัฒนาลัทธิมาร์กซ์ตามสภาพความเป็นจริงของจีนในยุคปัจจุบัน สอดคล้องกับเครือข่ายการพัฒนาทางสังคมและประวัติศาสตร์จีน มีแต่ยืนหยัดสืบทอด จึงจะพัฒนาดีขึ้น พรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้สืบทอดและผู้พัฒนาลัทธิมาร์กซ์ ทั้งนี้เป็นข้อเรียกร้องของการพัฒนาทางสังคมและประวัติศาสตร์จีน อีกทั้งยังเป็นผลจากการที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนนำประชาชนจีนดำเนินการปฏิวัติและการสร้างประเทศอีกด้วย พรรคคอมมิวนิสต์จีนสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้นเพื่อประชาชน และอาศัยกำลังของประชาชน ปัจจุบัน พรรคคอมมิวนิสต์จีนยังคงเชื่อว่า การสร้างจีนให้เป็นประเทศสังคมนิยมที่มีความทันสมัยรอบด้านเพื่อประชาชนต้องอาศัยกำลังของประชาชน

“ความล้าหลังก่อให้เกิดการแทรกแซง” เป็นคำกล่าวที่นายเติ้ง เสี่ยวผิง อธิบายสาเหตุที่จีนถูกประเทศอื่นแทรกแซงในอดีต “สังคมนิยมต้องไม่มีความยากจน” เป็นแนวคิดของนายเติ้ง เสี่ยวผิง ที่ได้มาจากการสร้างประเทศจีน ทุกประเทศต่างมีสิทธิการพัฒนา การพัฒนาเป็นเรื่องจำเป็น นายเติ้ง เสี่ยวผิง นำจีนเข้าสู่หนทางการปฏิรูปและเปิดประเทศ ทำให้จีนมีการพัฒนาและความก้าวหน้าจนเป็นที่จับตามองของทั่วโลก และพรรคคอมมิวนิสต์จีนก็ได้ตั้งเป้าหมายใหม่ว่าสร้างประเทศสังคมนิยมที่มีความทันสมัยรอบด้าน และบรรลุการฟื้นฟูที่ยิ่งใหญ่ของประชาชาติจีน โดยในกระบวนนี้ก็มีปัญหาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่น ดำเนินการเพื่อใคร ใครเป็นผู้นำ และอาศัยกำลังของใคร

ในระหว่างการปฏิรูปและเปิดประเทศอย่างลึกซึ้ง จีนเข้าใจมากยิ่งขึ้นว่า การจัดการกิจการของจีนนั้น ต้องพึ่งพาอาศัยกำลังของประชาชนจีนเอง ในรอบ 43 ปีที่จีนดำเนินการปฏิรูปและเปิดประเทศ เศรษฐกิจและสังคมของจีนต่างมีการพัฒนา แต่การพัฒนาที่มาจากประเทศพัฒนาหรือทุนต่างชาตินั้น เป็นเพียงการพัฒนาที่จำกัด เหมือนได้สร้างเพดานให้กับการเติบโตของจีน ในสายตาของประเทศพัฒนาแล้ว การพัฒนาที่มีข้อจำกัดดังกล่าว หากยังอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขาก็เป็นที่ยอมรับได้ แต่เมื่อเติบโตเกินการควบคุมของพวกเขา ประเทศนั้นๆ ก็จะไม่ได้รับการยอมรับ โดยจะมากดดันบีบคั้น หรือทำลายด้วย ดังนั้นอนาคตที่สดใสของจีนต้องอาศัยพรรคคอมมิวนิสต์จีนและประชาชนจีน 1,400 ล้านคน

เมื่อสังคมจีนเข้าสู่ยุคของนายสี จิ้นผิง สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนต่างถือประชาชนเป็นสำคัญด้วยเจตจำนงของตนเอง “ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชน” “ชาติบ้านเมืองก็คือประชาชน ประชาชนก็คือชาติบ้านเมือง” ต้องคิดในเรื่องที่ประชาชนคิด จึงจะมีความเข้าใจเช่นนี้ ประวัติศาสตร์ร้อยปีของจีนได้แสดงถึงความยากลำบากและความรุ่งโรจน์ของประชาชนจีน ต่อไปจีนจะสร้างอนาคตที่งดงามและยิ่งใหญ่แห่งการฟื้นตัวพัฒนา

จีนพัฒนาตามกฏระเบียบการอยู่ร่วมกันระหว่างธรรมชาติ มนุษย์ และสังคม พัฒนาตามทิศทางการพัฒนาของมนุษย์ พัฒนาตามกระแสประวัติศาสตร์ ผู้นำจีนแสดงบทบาทสำคัญด้านการชี้นำ ใช้ปฏิบัติการตามความปรารถนาและความเข้าใจในความสุขของประชาชนจีน ทั้งนี้เป็นข้อสรุปทั้งหมดที่จีนปฏิบัติตามปรัชญาเน้นประชาชนในยุคใหม่