วันที่ 26 ธ.ค.65 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุมสัญจรสำนักสิ่งแวดล้อม ณ ศาลาว่าการกทม. ดินแดง ว่า สำนักสิ่งแวดล้อมรับผิดชอบหลายด้าน ที่สำคัญคือพื้นที่สีเขียว สวนสาธารณะ การจัดการขยะ การดูแลเรื่องฝุ่นPM2.5 การลดภาวะเรือนกระจก และการทำเมืองให้ยั่งยืน ที่ผ่านมาทำไปได้ค่อนข้างดี ในเรื่องการปลูกต้นไม้ และสวนสาธารณะ ส่วนเรื่องขยะเป็นเรื่องใหญ่ที่ใช้งบประมาณเยอะ มีโครงการที่ผูกพันทั้งหมดเกือบ 6 หมื่นล้านบาท ทั้งในแง่ของการบริหารจัดการ และการเช่ารถต่างๆ เฉพาะเรื่องบริหารจัดเก็บขยะเกือบ 4 พันล้านบาท / ปี ก็กำชับให้มีความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงโครงการในอนาคตเช่นที่สายไหมมีโครงการจะสร้างโรงไฟฟ้าเตาเผาขยะเพิ่มก็ให้ทำอย่างรอบครอบ สัญญาจ้างต่างๆดูให้คุ้มค่า เช่นจ้างรถดูดฝุ่น รถดูดสิ่งปฏิกูล เป็นสัญญาระยะยาวต้องดูอย่างรอบครอบและให้คุ้มค่า
เรื่องฝุ่นสถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้น ให้เร่งรัดตรวจเข้มต้นตอฝุ่นใน 3 เรื่อง คือ ตรวจรถเครื่องยนต์เผาไหม้ ไอเสียรถ และดีเซล การเผาชีวมวล และโรงงานอุตสาหกรรม ให้ติดตั้งจุดวัดเพิ่มเติมในจุดเสี่ยง รวมถึงถนน 17 สาย ที่ไม่มีการกำหนดห้ามรถบรรทุกวิ่งเป็นเวลา ให้ลงไปควบคุมตรวจสอบอย่างเข้มข้น สำหรับการเผาชีวมวล เริ่มเห็นจุดความร้อนในพื้นที่รอบนอกของกทม. รวมถึงในเขตกัมพูชา เนื่องจากช่วงนี้มีลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดมาก็จะพัดฝุ่นPM มาถึงกรุงเทพฯได้ ประกอบกับสภาพอากาศและความหนามแน่นของฝุ่นจะทำให้ฝุ่นมีมากขึ้น ก็จะมีการพิจารณาทำห้องปลอดภัยในโรงเรียน และพื้นที่กลุ่มเปราะบาง โดยใช้เวินกองทุนหลักประกันสุขภาพ
อีกเรื่องคือ การลดภาวะเรือนกระจก ให้นโยบายทำใน 2 ส่วน คือ เริ่มจาก กทม. จะปรับเปลี่ยนอาคารของ กทม. ให้ใช้พลังงานทดแทน ติดตั้งโซลาร์เซลล์เพิ่ม รวมถึงทำโซลาร์เซลล์ลอยน้ำในบึงหนองบอนและสวนลุมพินี นำพลังไฟฟ้ามาใช้ ซึ่งทาง กฟน.ได้เข้ามาประเมินอาคารของ กทม. ในการปรับเปลี่ยนโดย กทม.จะทำให้เป็นตัวอย่างกับกน่ววงานอื่นแบะประชาชนทั่วไป ส่วนที่สองคือ เมือง ที่มีส่วนปล่อยคาร์บอนสร้างภาวะเรือนกระจก ต้องตั้งเป้าหมายเพื่อมีแนวทางลดได้โดยใก้กำหนดเป้าหมายให้สั้นลงเป็นรายปี ไม่ให้ตั้งไกลเกินไปเป็น 15 ปี เพื่อให้ทำได้เห็นผล ซึ่งหลายๆแห่งก็เริ่มปรับเปลี่ยนแล้ว อยาคตต้องสนับสนุนให้มากขึ้น โดยให้สร้างแรงจูงใจให้ประชาชนลงทุนทำโซลาร์เซลล์ให้มากขึ้น