วันที่ 16 ธ.ค. 65 ที่รัฐสภา นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) และพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ (ปช.) ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) คมนาคม สภาผู้แทนราษฎร แถลงตอบโต้นายโสภณ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะประธาน กมธ.ฯ กรณีการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่ระบุว่ากมธ.คมนาคม ได้ตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่าไม่มีส่วนต่างของราคาในขั้นตอนการประกวดราคา และยังไม่พบการกีดกันการเสนอราคาการประมูลด้วยนั้น
นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า การแถลงของนายโสภณ ไม่ใช่มติของกมธ.คมนาคม เป็นเพียงการแถลงส่วนตัว โดยหากเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะเป็นเรื่องใหญ่มาก คนเป็นประธานกมธ.ฯ ควรจะรู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ อะไรเหมาะสมและไม่เหมาะสม พรรค ก.ก.จึงอาจจะนำประเด็นนี้มาอภิปรายทั่วไปโดยลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ยืนยันอีกครั้งว่าถึงแม้เรื่องจะอยู่ในการพิจารณาของฝ่ายตุลาการ แต่อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติยังสามารถดำเนินการตรวจสอบคู่ขนานได้ นี่คือการตรวจสอบทางการเมือง ซึ่งสามารถนำการประมูลครั้งต่างๆ มาเชื่อมโยงและเปรียบเทียบได้ ว่าเอื้อประโยชน์ให้ทุนใหญ่หรือทำเพื่อประชาชน ฝ่ายค้านจะไม่ยอมให้เกิดการฟอกขาวโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มนี้อย่างแน่นอน
ด้าน พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตนเป็นหนึ่งในกมธ.คมนาคม และได้อยู่ประชุมจนจบวาระ อย่างแรกคือเรายังไม่มีมติตามที่นายโสภณแถลง โดยหากปล่อยให้เซ็นสัญญารถไฟฟ้าสายสีส้ม และกระทำผิดต่อไปจะทำให้เกิดส่วนต่าง 68,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เมื่อตนได้ตรวจสอบพบว่า งานการประมูลครั้งที่ 1 กับการประมูลครั้งที่ 2 ไม่มีอะไรแตกต่างกัน โดยส่วนต่าง 68,000 ล้านบาท อาจจะเป็นเงินที่นำมาทำลายระบบการเลือกตั้งได้ โดยนำไปใช้เกี่ยวกับการหาเสียงสร้างความได้เปรียบทางการเมืองหรือไม่ นอกจากนี้ หากเกิดการกระทำความผิดทางกฎหมาย พรรคฝ่ายค้านจะเตรียมข้อมูลเพื่อดำเนินคดีกับนายกฯ ยืนยันว่า กระบวนการต่างๆ ไม่ถูกต้องและอาจเกิดการทุจริตและประพฤติไม่ชอบ