กระทรวงเกษตรฯ ส่งสุขปีใหม่ 2566 เปิดบ้านขนทัพสินค้าเกษตร “ชม ช้อป ชิม ชิล แชะ (ท่องเที่ยว)” ฟรีค่าเข้าชม/ลดค่าบริการ พร้อมเปิดแหล่งท่องเที่ยวเกษตรทุกภาคทั่วประเทศ เริ่ม 15 ธ.ค.65-16 ม.ค. 66

วันที่ 15 ธ.ค.65 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานแถลงข่าว “โครงการส่งความสุขปีใหม่ มอบให้เกษตรกร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปี พ.ศ. 2566” โดยมีนายสุนทร ปานแสงทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายธนา ชีรวินิจ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสมเกียรติ กอไพศาล ประธานคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วม ณ ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ซึ่งการจัดงานดังกล่าว กระทรวงเกษตรฯ ได้จัดเตรียมของขวัญปีใหม่จากทุกหน่วยงานในสังกัด มอบให้เกษตรกรและประชาชนทั้งรูปแบบสินค้าและบริการ ซึ่งจะเป็นการส่งความสุขตลอดเวลาประมาณ 1 เดือน ระหว่างวันที่ 15 ธันวาคม 2565 ถึงวันที่ 16 มกราคม 2566 ซึ่งนอกจากจะเป็นการส่งมอบผลิตภัณฑ์เกษตรคุณภาพแล้ว ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศให้เกิดการใช้จ่าย จากการซื้อผลผลิตทางการเกษตรทั้งสดและแปรรูป ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเกษตร รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ของใช้ ซึ่งล้วนแต่เป็นสินค้าที่ได้คุณภาพมาตรฐาน ส่งตรงจากพี่น้องเกษตรกรจากทุกภาคทั่วประเทศไทย นอกจากนี้ ยังส่งมอบความสุข จากการเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศเกษตรที่สวยงาม และได้รับความรู้ด้านการเกษตรด้วย โดยคาดว่าจะมีประชาชนและเกษตรกรได้รับประโยชน์จากทั้ง 2 กิจกรรม กว่า 366,680 ราย

สำหรับของขวัญปีใหม่ที่กระทรวงเกษตรฯ มอบให้นั้น แบ่งออกเป็น 2 กิจกรรม คือ กิจกรรมที่ 1 “เสริมพลังปีใหม่ จำหน่ายสินค้าราคาพิเศษ สินค้าเกษตรคุณภาพ” เป็นการคัดสรรสินค้าและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ที่ได้คุณภาพมาตรฐาน และมีความปลอดภัย ซึ่งเป็นผลผลิตสดใหม่จากฟาร์ม สินค้าแปรรูป อาหารพร้อมรับประทาน อาหารพร้อมปรุง ผัก/ผลไม้ โครงการหลวงราคาพิเศษ เพื่อจำหน่ายให้แก่ประชาชน ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนผลผลิตจากพี่น้องเกษตรกร กลุ่มสหกรณ์ กลุ่มอาชีพสตรีสหกรณ์ และวิสาหกิจชุมชน ในประเทศโดยตรง โดยในส่วนของ “ชม ช้อป” มีทั้งสินค้าหัตถกรรมในพระบรมราชูปถัมภ์ ร้าน 109, ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ สินค้าและผลิตภัณฑ์จากเกษตรกรและองค์กรเกษตร พร้อมโปรโมชั่นราคาพิเศษ จัดชุดของขวัญ ซื้อสินค้าพร้อมรับของแถม บริการจัดส่งฟรี หรือ ลดค่าขนส่ง ผัก/ผลไม้ราคาพิเศษ อาทิ ผักอินทรีย์บรรจุถุง อะโวคาโด้ เคพกูสเบอร์รี่ เสาวรสหวาน ผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค พร้อมของแถม เนคไทยลายผ้าขาวม้า, ผลิตภัณฑ์จากยางพารา, นวัตกรรมด้านอาหาร สุขภาพ และความงาม และกระเช้าของขวัญ-สินค้าข้าว, สินค้าสหกรณ์, ผลิตภัณฑ์ประมงธงเขียว จาก Fisherman Shop ทุกสาขาทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ, ผลิตภัณฑ์จากครอบครัวปศุสัตว์, ชุดของขวัญจาก DGT Farm และชุดสมุนไพร พร้อม “ชิม” กาแฟสดหอมกรุ่นจากขุนวาง ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ และน้ำอ้อยคั้นสดจากศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี “อ้อยคั้นน้ำพันธุ์ กวก. สุพรรณบุรี 1” พันธุ์รับรองโดยกรมวิชาการเกษตร ซึ่งในน้ำอ้อยประกอบด้วยเกลือแร่สำคัญที่ร่างกายต้องการ เช่น แคลเซียม ธาตุเหล็ก และโพแทสเซียม เป็นต้น รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มสารประกอบฟี-นอ-ลิก (Phenolic compounds) และกรดไฮดรอกซีซินนามิก (hydroxycinnamic acid) ที่มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง

กิจกรรมที่ 2 “เพิ่มสุขปีใหม่ เที่ยวทั่วไทย สุขใจไปกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์” โดยกระทรวงเกษตรฯ จะจัดกิจกรรม “ชิล แชะ (ท่องเที่ยว)” ใน 2 กิจกรรม ได้แก่ 1) การเปิดสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตร ให้ประชาชนเข้าชมฟรี/ลดค่าบริการ กว่า 140 แห่งทั่วประเทศ อาทิ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ/ เขื่อน/ อ่างเก็บน้ำ/ โครงการชลประทาน/ สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ/ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมง/ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง)/ ฟาร์มสเตย์/ โฮมสเตย์/ ฟาร์มพืช ปศุสัตว์ ผึ้งชันโรง นาเกลือ/ ฟาร์มโคนม/ สะพานปลากรุงเทพฯ/ อุทยานหลวงราชพฤกษ์จังหวัดเชียงใหม่/ พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ เป็นต้น และ 2) การเปิดสถานที่ราชการ ปรับภูมิทัศน์รองรับนักท่องเที่ยว ทั้งศูนย์ศึกษา/ ศูนย์เรียนรู้/ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร) กว่า 180 แห่ง

ทั้งนี้ กิจกรรมเพิ่มสุขปีใหม่ เที่ยวทั่วไทยฯ นี้ เหมาะสำหรับกลุ่มคนทุกเพศ ทุกวัย รองรับทั้งกลุ่มครอบครัว และเพื่อน ซึ่งเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้สัมผัสแหล่งท่องเที่ยวด้านการเกษตร และสามารถเรียนรู้ รับความรู้ด้านการเกษตรได้โดยตรง ในทั่วทุกภาคของประเทศไทย นอกจากนี้ ยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร และสร้างโอกาสในการเพิ่มรายได้ให้กับพี่น้องเกษตรกร ชุมชน และครัวเรือนเกษตรกร อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า (COVID-19) ที่เกิดขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานี้