ที่พิพิธภัณฑ์อุทยานธรณีโลกสตูล ตำบลทุ่งหว้า (อ่านว่าทุ่ง-ว่า) อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลทางธรณีวิทยา โบราณคดี นิเวศวิทยาและแหล่งเรียนรู้จังหวัดสตูลโดย นายไพรัช สุขงาม ผอ.ททท.สำนักงานสตูล นำคณะสื่อมวลชนเข้าชมและเรียนรู้เรื่องราวกำเนิดของแผ่นดินสตูล และการก้าวไปเป็นอุทยานธรณีโลก Satun UNESCO Global Geopark เพื่อการอนุรักษ์ที่ยั่งยืนโดยมี นายทรงภพ วารินสะอาด รองผอ.อุทยานธรณีโลกสตูล / ปลัดอบต.ทุ่งหว้า พาชมหลักฐานธรณีวิทยา ทางบกและท้องทะเล ซากดึกดำบรรพ์สตูล ฟอสซิล ฟันกรามช้างสเตโกดอนที่พบที่นี่ (สามารถติดต่อเข้าชมได้ที่อบต.ทุ่งหว้า ตามวันเวลาราชการค่ะ)
ก่อนที่จะนำคณะจะนั่ง “รถไม้แดงทุ่งหว้า” (อ่านว่าทุ่ง-ว่า) ไปทานข้าวเติมพลังกันกับ “อาหารพื้นบ้านโฮมสเตย์” ที่ วิสาหกิจชุมชนทุ่งหว้าโฮมสเตย์โกดอน ที่นี่บริการอาหารวันนี้ด้วยเมนู แกงไก่กับหยวกกล้วย , ปลาทอดกระเทียม , แกงปลาย่างใบเม่า(รสชาติเปรี้ยวกลมกล่อม) น้ำพริกผักพื้นบ้าน ข้าวสายร้อนๆ ทานกันชนิดเจริญอาหารกันทีเดียว ที่นี่เค้าคิด อาหารมื้อเที่ยงหัวละ 250 บาทอาหาร 5 อย่าง ที่พักโฮมสเตย์ก็มีนะคะคนละ 390 + อาหารมื้อเช้า ติดต่อได้ที่เฟสบุ๊ค ปุษยา ทิพมณี โฮมสเตย์บ้านแม่แป้น โทร. 080-867-8875
หลังจากอิ่มหนำสำราญคณะเราก็มุ่งหน้าไปที่ “ถ้ำเล สเตโกดอน” ก่อนลงเรือก็ต้องทำความเข้าใจในกฎกติกาและระบบความปลอดภัยกันก่อนจากไกด์และสต๊าฟ จากนั้นก็ลุยกันเลย
ถ้ำเล สเตโกดอน (Tham Le Stegodon) เป็นถ้ำอยู่ในเทือกเขาหินปูนทอดยาวมีลักษณะคล้ายอุโมงค์ใต้ภูเขา ภายในถ้ำมีลักษณะคดเคี้ยวมีระยะทางจากปากถ้ำจนถึงทางออก ประมาณ 4 กิโลเมตร สิ่งที่โดดเด่นของถ้ำแห่งนี้ที่สำคัญคือการพบซากดึกดำบรรพ์ของช้าง และ แรดสมัยไพลสโตซีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช้าง สกุล สเตโกดอน ซึ่งเป็นที่มาของการเรียกชื่อถ้ำแห่งนี้ว่า “ถ้ำเล สเตโกดอน” ซากดึกดำบรรพ์ ดังกล่าวเป็นซากกระดูกขากรรไกรพร้อมฟันกราม ซี่ที่ 2 และ 3 ด้านล่างขวาของช้างดึกดำบรรพ์เชื่อกันว่าการพบเจอฟันกรามช้างสกุล สเตโกดอน เป็นจุดกำเนิดเรื่องราวการศึกษาค้นคว้าทางธรณีวิทยาในจังหวัดสตูล
“ถ้ำเล สเตโกดอน” เป็นถ้ำน้ำเค็มที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ชื่อเดิม “ถ้ำวังกล้วย” ตั้งอยู่ที่บ้านคีรีวงศ์หมู่ที่ 7 ตำบลทุ่งหว้า อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล อยู่ในความดูแลขององค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งหว้า เป็นถ้ำธารลอดที่มีน้ำทะเลถึงปากทางเข้า ความกว้างประมาณ 10-20 เมตรและมีเพดานถ้ำสูงประมาณ 10-20 เมตรอยู่ในเทือกเขาหินปูนยุคออโรวิเชียรที่วางตัวแนวเหนือถึงใต้ยอดเขาสูงประมาณ 290 เมตรทางด้านทิศตะวันตกติดกับป่าชายเลนต้องล่องเรือขึ้นบกได้ที่ท่าเรือท่าอ้อย จัดเป็นถ้ำที่มีชีวิต
การเดินทางในครั้งนี้ของคณะสื่อมวลชน นอกจากจะได้พบความงดงามหินงอก หินย้อยตามจินตนาการแล้ว ยังพบแมงมุมถ้ำ และเป็นความโชคดีของคณะในครั้งนี้ที่ได้พบกับ “ปูเขาหินปูนทุ่งหว้า” ซึ่งมีน้อยคนนักที่ได้พบไกด์ชาวบ้านบอกว่า มีเพียง 5 ตัวเท่านั้นที่พบอาศัยในถ้ำแห่งนี้ อาศัยบนเพดานถ้ำที่สูง สีแดงเข้มสวยงามมาก ปูเขาหินปูนทุ่งหว้า มีลักษณะโดดเด่น คือขาค่อนข้างยาว กระดองสีแดงสด จับปิ้ง และด้านท้อง และขาก็มีสีแดงสวยงามสร้างความตื่นตาให้ผู้พบเห็น
อุทยานธรณีสตูล มีพื้นที่ 4 อำเภอของจังหวัดสตูลได้แก่อำเภอทุ่งหว้า อำเภอมะนัง อำเภอละงู และเกาะอำเภอเมือง รวม 25,097 ตารางกิโลเมตรเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญทางธรณีวิทยาระดับนานาชาติ ด้านซากดึกดำบรรพ์สัตว์ทะเล มหายุคพาลีโซอิก (หรือประมาณ 542 ถึง 251 ล้านปีก่อน)