ลีลาชีวิต / ทวี สุรฤทธิกุล

ความรักมีหลากรูปแบบ ทั้งแบบที่เราสร้างเองได้ และแบบที่เกิดขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัวหรือที่มาที่ไป

ในขณะที่เพียงใจทำให้ไชยาเคลิบเคลิ้มด้วยการเอาอกเอาใจ แต่ดูเหมือนว่าเขาก็ยังไขว่คว้าหา “รักอื่น” แม้ว่าจะเป็นเพียง “รักเล่น ๆ” ในวัยเด็ก แต่ก็เป็นความทรงจำที่น่าตื่นเต้นเหมือนว่าเป็นเกมอย่างหนึ่ง

ในวัยเพียง 9 ขวบ ไชยาชอบที่จะให้มีเพื่อน ๆ ที่เป็นเด็กผู้หญิงมาเอาอกเอาใจเขา อย่างที่เพียงใจลูกพี่ลูกน้องของเขาที่ได้ปรนนิบัติดูแลเขาเป็นอย่างดี กระนั้นเขายังมองเด็กหญิงร่วมห้องเรียนอีกคนหนึ่ง เธอมีบ้านอยู่ตรงสี่แยกใกล้วัด บ้านของเธอเป็นทั้งร้านค้าของชำและโรงสีเล็ก ๆ เป็น 1 ใน 2 แห่งของโรงสีที่มีในชุมชนหมู่บ้านนั้น เธอมีชื่อเล่นว่าแอน แต่บางคนก็เรียกเธอว่าหมวย เพราะเธอมีผิวขาวแบบคนจีน และดูเหมือนว่าพ่อของเธอก็จะมีเชื้อจีน แต่เป็นชาวจีนที่มีรกรากในแผ่นดินจีนตอนใต้ แล้วอพยพมาอยู่ในลาว ก่อนที่จะข้ามฝั่งมาอยู่ในไทย ตั้งแต่ตอนที่กองทัพไทยในสมัยรัชกาลที่ 3 ยกทัพมาปราบเจ้าอนุวงศ์ที่ก่อการกบฏ ยกทัพมาตีจะเอาแผ่นดินไทย ครั้นลาวพ่ายแพ้แล้ว กองทัพไทยก็กวาดต้อนเอาผู้คนในลาวข้ามมาอยู่ฝั่งไทยเป็นอันมาก ประวัติเหล่านี้ครูที่สอนวิชาประวัติศาสตร์เป็นผู้เล่า โดยยกครอบครัวของ “หมวยแอน” ที่ครูหลายคนชอบเรียกชื่อนี้ มาเป็นเรื่องราวเพื่อให้เกิดความใกล้ชิดกับเหตุการณ์

ไชยาเคยถามแม่ว่า ชื่อของเขามีที่มาที่ไปอย่างไร แม่ก็ตอบว่าแม่เป็นคนชอบดูหนัง มีพระเอกหนังที่แม่ชื่นชอบหลายคน แต่ที่ชอบมากที่สุดก็คือ ไชยา สุริยัน ชอบที่เขาผิวขาว สูงโปร่ง หน้าตาหล่อเหลาแบบผู้สูงศักดิ์ เพราะไชยามีเชื้อเจ้าเป็นหม่อมหลวง มีผมหยักศก และมีขดผมเล็ก ๆ เหมือนซีกวงพระจันทร์แปะอยู่ตรงหน้าผาก ดูแล้วมีเสน่ห์มาก ยิ่งไปกว่านั้นชื่อไชยาก็ยังคล้องกับชื่อ “ชัยยศ” ที่เป็นชื่อของ “ป๋า” ของเขานั้นอีกด้วย พอเขาเกิดมาก็มีผิวขาวผ่อง ป๋าชอบเรียกเขาว่า “ตี๋เล็ก” แต่แม่ชอบเรียกว่า “หม่อม” มากกว่า คงอยากจะให้เขานั้นเป็นไชยา สุริยัน จริง ๆ จึงตั้งชื่อเล่นว่าอย่างนั้น

ไชยาที่เพื่อนเรียกชื่อเล่นเขาว่าหม่อม แอบชอบแอนอยู่เงียบ ๆ ส่วนแอนก็ชอบทำตัวป๊อปปูลาร์ให้เพื่อน ๆ สนใจ นอกจากจะแต่งตัวสวยสะอาดอยู่เสมอแล้ว ยังมีของเล่นจำพวกตุ๊กตาและเสื้อผ้ามาแบ่งเพื่อน ๆ ให้ได้เล่นด้วยกันเป็นประจำ รวมทั้งขนมและของกินต่าง ๆ ก็มีมาแบ่งให้เพื่อนบางคน ที่ทำให้รู้ว่าใครเป็นเพื่อนรักหรือเพื่อนสนิทของแอนบ้าง ซึ่งไชยาก็อยากเป็นเพื่อนสนิทของแอนนั้นอีกคนหนึ่งด้วย เขาจึงชอบไปเล่นใกล้ ๆ หรือทักทายแอนอยู่บ่อย ๆ แต่แอนก็ไม่ได้แสดงความสนิทสนมอะไรด้วย คือนอกจากจะไม่พูดโต้ตอบด้วยแล้ว ก็พยายามหลีกหนีหรือให้เพื่อนคนอื่นมาไล่ไชยาออกไป ก็ยิ่งทำให้ไชยารู้สึกอยากเอาชนะ โดยพยายามตามตื๊อพูดคุยและเอาขนมไปแลกกับแอน แต่แอนก็ยังเฉย ๆ แถมบางครั้งก็พูดบ่นออกมาดัง ๆ เพื่อให้ไชยาอับอาย แต่ก็ยิ่งเหมือนยั่วยุให้เขายิ่งอยากเอาชนะใจของแอนนั้นมากขึ้น

เพียงใจคงสังเกตเห็นความพยายามเช่นนั้นของไชยา แต่ด้วยความที่เพียงใจนั้นก็ชอบไชยา จึงพยายามที่จะเข้าไปขัดขวาง ด้วยการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ แต่ก็ยิ่งดูเหมือนยิ่งทำให้ไชยารำคาญ เพียงใจจึงเปลี่ยนมาเป็นทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชัก ใช้ความเป็นเด็กผู้หญิงด้วยกันเข้าไปตีสนิทเป็นเพื่อนเล่นกลุ่มของแอน โดยแกล้งแต่งเรื่องว่าไม่ชอบไชยาเหมือนกัน แต่ความจริงนั้นก็เพื่อไปล้วงความลับว่า แอนนั้นเกลียดไชยาจริง ๆ หรือไม่ ซึ่งพอรู้ว่าแอนไม่ชอบไชยาจริง ๆ เพียงใจก็เกิดความสบายใจ และดูเหมือนว่าจะทำดีกับแอนมากขึ้น เช่นเดียวกันกับการที่ยังคงเอาใจไชยา เพียงแต่ไม่ทำอย่างออกหน้าออกตาในเวลาที่แอนมาอยู่ใกล้ ๆ เท่านั้น

เหตุการณ์ “รักสามเส้า” ที่เกิดกับไชยา แอน และเพียงใจ ในวัยเด็กนั้น บางคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องตลกหรือไม่มีสาระ แต่เมื่อไชยาโตขึ้นก็ได้ทราบว่าสิ่งเหล่านี้มีผลกับความเป็น “นายไชยา” เป็นอย่างมาก ไชยาได้มาพูดคุยกับเพียงใจในอีก 20 กว่าปีต่อมา ตอนที่ทั้งคู่มีครอบครัวของกันและกันนั้นแล้ว เพียงใจบอกว่าตอนเด็ก ๆ อายุ 8-9 ขวบ เพียงใจชอบไชยามาก เป็นการชอบแบบที่เรียกว่าถึงขั้นหึงหวง แรก ๆ ที่เห็นไชยาไปชอบแอน เธอก็โกรธและอยากทำร้ายไชยากับแอนมาก เหมือนกับสุนัขที่หวงเจ้าของหรือหวงบ้านกระนั้น แต่ตอนนั้นก็เกิดคิดได้แบบเด็ก ๆ ว่าต้องใช้อามิสสินจ้างเข้าแลก แบบที่ผู้ใหญ่ชอบทำแบบนั้นกับลูก ๆ หลาน ๆ เธอจึงพยายามเอาใจทั้งไชยาและแอน ซึ่งได้ผลดีกับแอน แต่ไม่ได้ผลเลยกับไชยา เพราะไชยายังไปชอบแอนอยู่ดังเดิม

ไชยาพอได้ฟังเพียงใจเปิดใจก็หัวเราะ และบอกว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับเพียงใจเลย คงเป็นเพราะความเป็นญาติกันนั้นประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่งก็คือเพียงใจไม่ใช่ผู้หญิงในสเปก ในแบบที่เขาชอบ เพราะเขาชอบผู้หญิงที่ผิวต้องขาว สวย สง่างามแบบสาวในเมือง ดูหยิ่งนิด ๆ เหมือนว่าจะเหนือกว่าเขา และท้าทายให้เขาต้องคอยตื๊อคอยติดตาม ในขณะที่เพียงใจก็ผิวคล้ำ ๆ แบบสาวชาวบ้าน แม้ว่าจะไม่ได้ขี้เหร่ แต่ก็ดูเหมือนของตายที่ไม่ต้องใช้การต่อสู้หรือความอดทนอะไร ทำให้ไม่มีชีวิตชีวา ทั้งยังน่ารำคาญเพราะมาเอาใจเขาจนมากเกินไป ซึ่งเพียงใจก็หัวเราะตอบ บอกว่าถ้ารู้อย่างนี้จะขอเล่นบทที่ไชยาชอบนั้น บางทีไชยาจะได้มารับกรรมนั้น เพราะตอนนี้กับสามีที่เพียงใจแต่งงานด้วย ก็บ่นว่ารำคาญการเอาใจมาก ๆ ของเพียงใจนั้นอยู่ทุกวัน

ไชยาอยู่กับตายายและเรียนในโรงเรียนนั้นเพียง 3 ปี พอขึ้นชั้นประถมปีที่ 5 แม่ก็มารับกลับไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ โรงเรียนใหม่นี้เป็นโรงเรียนชายเก่าแก่ที่มีชื่อเสียง เป็นโรงเรียนอย่างที่ชาวบ้านเรียกว่า “โรงเรียนฝรั่ง” ที่ลูกท่านหลานเธอต่าง ๆ เข้ามาเรียนกัน และยิ่งบ้านหลังใหม่ที่เขามาอยู่แถวลาดพร้าว เป็นบ้านจัดสรรแบบทันสมัย ก็ทำให้เขาพอรู้ว่าแม่กับป๋าได้กลับมาคืนดีกันอีกครั้ง หรืออาจจะพ้นภัยจากบ้านใหญ่นั้นแล้ว อีกทั้งก็ดูเหมือนว่าร้านค้าของแม่เจริญรุ่งเรืองด้วยดี ทำให้มีทั้งบ้านและรถยนต์ ซึ่งแม่ได้ขอให้ตากับยายมาอยู่ด้วย แต่ตาขออยู่ที่บ้านนอกนั้นดีกว่า ส่วนยายนั้นคงทั้งรักและห่วงลูกสาวกับหลานชาย จึงยอมตามมาอยู่ด้วยที่กรุงเทพฯ

แต่ความจริงที่เขาได้รู้ในตอนแรก แม่ได้บอกกับเขาเพียงส่วนเดียว เพราะเขามารู้ภายหลังว่าป๋าได้เสียชีวิตในระหว่างที่เขาเรียนอยู่ที่บ้านนอก ป๋าได้แอบแบ่งมรดกส่วนหนึ่งให้กับแม่และเขา จนเพียงพอที่แม่จะหาซื้อบ้านหลังใหม่กับรถยนต์นั้นได้ รวมถึงไปลงทุนค้าขายเพิ่มเติม แม่ได้กลายเป็นแม่ม่ายเนื้อหอม ในหมู่เพื่อน ๆ ของป๋าที่บางคนก็แอบมาชอบแม่ ก็ทำทีมาสงสารและให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ แต่แม่ก็แค่รับไมตรีและความช่วยเหลือบางอย่างไว้ ซึ่งไชยาก็แอบชื่นชมในความเข้มแข็งของแม่ของเขา แล้วสิ่งนี้ก็ได้เป็นแบบอย่างอีกส่วนหนึ่งในสเปกของหญิงสาวที่เขาชื่นชอบ

ไชยากำลังเข้าสู่ความเป็นวัยรุ่น อันเป็นวัยที่เขาต้องเจอ “ทางหลายแพร่ง” สำหรับเลือกเดิน รวมถึงความรักที่เขาจะต้องเลือกรัก