วันที่ 3 ธ.ค.665 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha ระบุข้อความว่า ...
ไอเอฟ IF ตั้งแต่เช้า...ดีกว่าเริ่มตอนบ่าย เย็น
ไอ-เอฟ หรือ intermittent fasting โดย กิน 6 อด 18 ชั่วโมง หรือกิน 8 อด 16 ชั่วโมง พิสูจน์แล้วว่าทำให้สุขภาพแข็งแรง ปลอดจากโรคคาร์ดิโอเมตาบอลิก (cardio metabolic) รวมทั้งมีรายงานพิสูจน์แล้วว่าช่วยลดความรุนแรงต้องเข้าโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตจากการติดโควิด
ช่วงเวลาที่ให้กิน (time window) ตื่นขึ้นมาปุ๊บแล้วกินเลย จะดีกว่า IF ที่กินหลังเที่ยงไปจนบ่ายหรือเย็นไปถึงกลางคืนที่จะทำให้มีความรู้สึกหิวมากกว่า คล้องจองไปกับการที่มีฮอร์โมนที่เพิ่มการหิวข้าว และมีระยะตื่น (wake time) มากกว่า มีระบบการเผาผลาญใช้พลังงานลดลง
มื้อเช้าอาจจะไม่จำเป็นที่ต้องเป็นมื้อใหญ่เสมอไป
ผักผลไม้มากมายมหาศาลตามฤดูกาลอยู่แล้ว ส้มตำ เคียงผักนานาชนิด อย่าให้เค็ม ลดข้าวเหนียว ข้าว แป้ง เนื้อสัตว์ทั้งหลายพยายามหลีกเลี่ยง แต่ได้โปรตีนจากถั่ว จากพืช และปลา ปู กุ้ง หอย
ประเพณี ประพฤติ ปฏิบัติของการกินมื้อเย็น ดินเนอร์ตอน 5 โมงเย็น หรือล่าช้าไปถึงทุ่มหรือสามทุ่ม
หรือการกินตอนเที่ยง จนไปถึงบ่าย เย็น กลับจะเพิ่มความตะกละ อยากกิน จนอาจจะต้องลุกขึ้นมาหาอะไรกินตอนกลางคืน หรือตอนดึกไปอีก
การวิเคราะห์ยีน พบว่า ยีนที่ควบคุมความเสถียรของเซลล์ และการคุมการคงมีชีวิตและการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของเซลล์ ในระบบ autophagy เป็นในทิศทางที่แย่ลง รวมทั้งมีการเผาผลาญไขมันลดลงและมีการเพิ่มการสร้างเนื้อเยื่อไขมันมากขึ้น ซึ่งทั้ง หลายทั้งปวงนี้บ่งบอกถึงการมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วน และโรคที่ตามติดมาจากผลพวงดังกล่าว
เวลาและระยะเวลาของการกิน ชนิดของอาหาร จะมีผลต่อเนื่องไปจนถึงสุขภาพของร่างกายโดยรวม และคุณภาพของการนอน และส่งผลไปถึงสมองทำให้เสื่อมช้าลง (resistance) หรือแม้แต่เสื่อมแล้วก็ยังไม่แสดงอาการออกมาได้ (resilience)
ชีวิตของเราเองเลือกได้ ที่จะไม่เป็นภาระต่อครอบครัว สังคม และทำให้ประเทศไทยของเรามั่งคั่งครับ
ขอบคุณ เฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha