เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 30 พ.ย.2565 รศ. ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการอีสานโพลศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า จากผลสำรวจเรื่อง คนอีสานกับการเลือกตั้งครั้งหน้า ผลสำรวจพบว่า กลุ่มตัวอย่างคนอีสานส่วนใหญ่คาดว่ารัฐบาลจะอยู่ครบวาระ 4 ปี ชอบระบบเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ มากกว่าแบบ 1 ใบ เชื่อว่าหากกฎหมายเลือกตั้งไม่พร้อมมีโอกาสสูงที่การเลือกตั้งจะถูกยืดเวลาออกไป แนะ ส.ว. ควรโหวตให้พรรคที่รวบรวมเสียง ส.ส. ได้เกิน 250 คน  กว่าครึ่งมีประสบการณ์เกี่ยวกับการติดต่อจ่ายเงินของหัวคะแนน  พรรคไทยสร้างไทยจะเป็นตัวตัดคะแนนการชนะแบบถล่มทลายของพรรคไทยสร้างไทย พรรคที่ได้รับคะแนนนิยม 5 อันดับแรก คือพรรคเพื่อไทย ,ก้าวไกล  ไทยสร้างไทย ,พรรคที่พลเอกประยุทธ์สังกัด และภูมิใจไทย ตามลำดับ  

การสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความคิดเห็นของคนอีสานกับการเลือกตั้ง สส. ที่จะเกิดขึ้นในไม่กี่เดือนข้างหน้า จากกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไป 1,063 รายในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัด เมื่อสอบถามกลุ่มตัวอย่างว่า ท่านคาดว่ารัฐบาลจะอยู่ครบวาระ 4 ปีหรือไม่อย่างไร พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 71.1 เชื่อว่า รัฐบาลจะอยู่ครบวาระ 4 ปี รองลงมาร้อยละ 13.2 เชื่อว่าจะมีการยุบสภาช่วงเดือนมกราคมหรือกุมภาพันธ์ 2566 ตามมาด้วย ร้อยละ 10.6 เชื่อว่าจะยุบสภาใกล้วันที่ 23 มีนาคม 2566  และมีเพียงร้อยละ 5.1 ที่เชื่อว่าจะมีการยุบสภาปลายปีนี้ เมื่อสอบถามว่า ท่านต้องการเลือกตั้งในระบบบัตร 1 ใบหรือบัตร 2 ใบพบว่าส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 71.0 ต้องการเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ เลือกคนและพรรคแยกกัน และ ร้อยละ 29.0 ต้องการเลือกตั้งแบบบัตร 1 ใบ เลือกทั้งคนและพรรครวมกัน  

เมื่อสอบถามว่า ท่านคิดว่ามีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่การเลือกตั้งอาจจะยืดเวลาออกไปหากกฎหมายเลือกตั้งไม่พร้อมพบว่าส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 63.0 เชื่อว่ามีโอกาสสูงที่การเลือกตั้งอาจจะยืดเวลาออกไป และ ร้อยละ 37.0 เชื่อว่า มีโอกาสต่ำที่จะยืดเวลาและน่าจะได้เลือกตั้งตามกำหนดการปกติ  

เมื่อสอบถามว่า ในการโหวตเลือกนายกครั้งหน้า ส.ว. ส่วนใหญ่ควรวางตัวอย่างไรพบว่าส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 75.2 เห็นว่า ส.ว. ควรโหวตให้พรรคที่รวบรวมเสียง ส.ส. ได้เกิน 250 คน และ ร้อยละ 24.8 เห็นว่า ถ้าจำเป็น ส.ว. อาจโหวตให้พรรคที่รวบรวมเสียง ส.ส. ได้ไม่ถึง 250 คน เมื่อสอบถามว่า ในการเลือกตั้ง สส. ครั้งที่แล้วท่านมีประสบการณ์เกี่ยวกับการรับเงินจากหัวคะแนนผู้สมัครหรือไม่ พบว่า ร้อยละ 43.7 ไม่มีประสบการณ์  รองลงมา ร้อยละ 33.3 มีประสบการณ์รับเงินแต่เลือกตามความชอบ ตามมาด้วยร้อยละ 12.9 มีประสบการณ์แต่ปฏิเสธการรับเงิน ร้อยละ 7.6   มีประสบการณ์รับเงินและเลือกคนที่ให้เงินมากที่สุด และ ร้อยละ 2.5 ระบุอื่นๆ โดยรวมแล้วมีประมาณร้อยละ 53.8 ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการติดต่อจ่ายเงินของหัวคะแนน

รศ.ดร.สุทิน กล่าวต่ออีกว่า เมื่อสอบถามว่า พรรคการเมืองใดจะเป็นอุปสรรคหรือตัวตัดคะแนนสำคัญในการชนะแบบถล่มทลายของพรรคเพื่อไทยในจังหวัดของท่านพบว่า ร้อยละ 47.6 ระบุว่าเป็น พรรคไทยสร้างไทย รองลงมาร้อยละ 19.7 เป็นพรรคที่พลเอกประยุทธ์สังกัด ตามมาด้วยร้อยละ 18.7 พรรคก้าวไกล ร้อยละ 12.5 ระบุว่าเป็นพรรคภูมิใจไทย และพรคคอื่นๆ ร้อยละ 1.5  เมื่อสอบถามว่า  ถ้าเลือกตั้ง ส.ส. วันนี้ ท่านมีแนวโน้มจะลงคะแนน ส.ส. บัญชีรายชื่อให้พรรคใด พบว่า อันดับ 1 เป็น พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 32.0 รองลงมาพรรคก้าวไกล ร้อยละ18.0 อันดับ 3 พรรคไทยสร้างไทย ร้อยละ 16.8  ตามมาด้วยพรรคที่มีพลเอกประยุทธ์สังกัด ร้อยละ 10.6  พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 9.7 พรรคพลังประชารัฐ (ที่ไม่มี พล.อ.ประยุทธ์) ร้อยละ 5.4  พรคคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 3.0 พรรคเสรีรวมไทย ร้อยละ 2.0 และพรรคอื่นๆ ร้อยละ 2.5

เมื่อสอบถามว่า  ถ้าเลือกตั้ง ส.ส. วันนี้ ท่านมีแนวโน้มจะลงคะแนน สส. แบบเขต ให้ผู้สมัครจากพรรคใด พบว่า อันดับหนึ่งเป็น พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 36.3 รองลงมาพรรคก้าวไกล ร้อยละ16.1 อันดับ 3 พรรคไทยสร้างไทย ร้อยละ 13.3  ตามมาด้วยพรรคที่มีพลเอกประยุทธ์สังกัด ร้อยละ 10.8  พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 10.3 พรรคพลังประชารัฐ (ที่ไม่มีพล.อ.ประยุทธ์) ร้อยละ 5.5  พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 2.9 พรรคเสรีรวมไทย ร้อยละ 1.7 และพรรคอื่นๆ ร้อยละ 3.1เมื่อสอบถามต่อว่า  ถ้ามีการเลือกตั้งใหม่ ท่านอยากให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุด พบว่า อันดับ 1 เป็นของ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 24.9 รองลงมา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร้อยละ 20.1 อันดับ 3 คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ร้อยละ 17.5 ตามมาด้วยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 11.0  คุณอนุทิน ชาญวีรกุล ร้อยละ 9.7 คนอื่นๆ จากพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 4.0 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ร้อยละ 3.4 คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ร้อยละ 3.1 และอื่นๆ ร้อยละ 3.0”