วันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 เวลาประมาณ 18:00 น. นายแพทย์ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พร้อมด้วย นายสัมฤทธิ์ สุมาลี ผู้อำนวยการเขตพระนคร และ พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม ได้ลงพื้นที่ถนนข้าวสารตรวจจร้านจำหน่ายกัญชา เพื่อตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมายและดูใบอนุญาตให้จำหน่าย พืชกัญชา ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542

โดยนายแพทย์ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทย กล่าวว่า จากการตรวจสอบร้านจำหน่ายกัญชา 4-5 ร้านพบว่า มีร้านที่มีป้ายโฆษณาเชิญชวนการใช้กัญชาในทางสันทนาการ ทั้งนี้จากการตรวจสอบภายในร้านพบว่ามีใบอนุญาตทุกร้าน แต่พบมี 1 ร้านที่ขอใบอนุญาติที่จังหวัดลพบุรีแต่มาเปิดร้านที่นี่ตามหลักการก็ถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะถ้าเปิดร้านที่กรุงเทพก็ต้องขอใบอนุญาตที่กรุงเทพ 

ส่วนอีกกรณีหนึ่งคือการทำห้องเพื่อสูบกัญชาโดนเฉพาะ ซึ่งก็ได้คุยกับผู้จัดการที่ดูแลทราบว่าเป็นส่วนกลางที่ทำไว้เป็นที่สูบ ซึ่งตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขไม่ได้ส่งเสริมให้เกิดการสูบใบกัญชาเพื่อสันทนาการ จึงอยากเชิญชวนผู้ประกอบการให้ทำกิจการอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม อย่าทำอะไรที่สุ่มเสี่ยง แม้ว่าตามกฎหมายของกรมการแพทย์แผนไทยจะไม่สามารถเอ่ผิดกับร้านที่จัดให้มีสถานที่สูบได้ แต่ก็ต้องดูรายละเอียดของกฎหมายอื่นร่วมด้วย ว่าจะมีความผิดหรือไม่  

กล่าวคือในส่วนของการเปิดห้องสันทนาการ  ตามกฎหมายที่กรมการแพทย์แผนไทยถืออยู่ คือกฎหมาย สมุนไพรควบคุม(กัญชา)พ.ศ.2565  ยังเอาผิดไม่ได้เพราะเป็นคนละเรื่องกันแต่ก็ต้องดูกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากวันนี้ไม่ได้มีแค่กฎหมายฉบับเดียวที่ควบคุมเรื่องกัญชา แต่มีกฎหมายอื่นๆอีกหลายฉบับที่ต้องพิจารณาร่วมด้วย ดังนั้นการจะปิดร้านใดๆได้ไม่ใช่ว่าจู่ๆจะปิดได้เลยแต่ต้องมำตามระเบียบขั้นตอนของกฎหมายและจ้องมีหลักฐานที่ชัดเจน ว่าเข้าข่ายความผิดตาม พรบ.กฎหมายใด 

ในส่วนกรณีที่มีสถานที่ที่เขียนว่าเป็นคลินิกแพทย์แผนไทย ในพื้นที่ถนนข้าวสารที่ได้ลงตรวจสอบนั้น เบื้องต้นพบว่าคลินิกดังกล่าวปิด แต่ก็จะต้องตรวจสอบต่อไปว่าได้รับอนุญาติให้เปิดสถานบริการหรือไม่ เพราะโดยหลักการแล้วการเปิดสถานบริการที่ไม่มีผู้ป่วยไว้ค้างคืนต้องมีการขอใบอนุญาติก่อน จึงจะติดป้ายได้ว่า 'คลินิกแพทย์แผนไทยที่มีการรักษาโรค' ถ้าหากไม่มีใบอนุญาตแล้วไปติดป้ายนั้นแสดงว่าไม่ถูกต้อง และถือว่านายแพทย์ที่เปิดสถานบริการดังกล่าวทำผิดจรรยาบรรณวิชาชีพ 

ทั้งนี้อยากจะเชิญชวนผู้ประกอบการว่าถ้าอยากให้ กฎหมายที่เกี่ยวกับกัญชาเสรีใข้ได้ในระยะยาว ในทางการแพทย์และเศรษฐกิจ ที่ไม่มข่เรื่องของสันทนาการ ก็ต้องช่วยกันทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ถ้าหากยังพบปัญหา กฎหมายก็จะมีข้อบังคับมากขึ้นในเรื่องนี้