สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทางการจีนระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจไปรักษาการณ์ รวมทั้งออกลาดตระเวน ตามเมืองต่างๆ รวมทั้งกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของประเทศ เพื่อควบคุมสถานการณ์ชุมนุมประท้วงของประชาชนที่ไม่พอใจต่อการดำเนินมาตรการเข้มงวด ซึ่งรวมถึงการปิดพื้นที่ หรือล็อกดาวน์ เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จนเกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง เป็นคืนที่ 5 ติดต่อกัน นับตั้งแต่ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และลุกลามบานปลายกลายเป็นการเรียกร้องให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ก้าวลงจากอำนาจ

รายงานแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจของจีน ได้ใช้อำนาจในการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของประชาชนผู้ประท้วงว่า ใช้ “เครือข่ายส่วนตัวเสมือน” หรือ “วีพีเอ็นเอส” และ “แอปพลิเคชันเทเลแกรม” ในการติดต่อสื่อสารระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงด้วยกันหรือไม่ ซึ่งโปรแกรมเครือข่ายวีพีเอ็นเอส ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายในจีน ส่วน “แอปพลิเคชันเทเลแกรม” ได้ถูกปิดกั้นจากเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในจีน เพื่อป้องกันการติดต่อสื่อสารระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง

ทั้งนี้ มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ชุมนุมประท้วงไปบางส่วนด้วย

ขณะเดียวกัน รายงานข่าวเผยว่า กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง รวถึงกลุ่มนักลงทุนในตลาดหุ้นของจีน กำลังเฝ้าจับตาจากกรณีที่ “สภาแห่งรัฐของจีน” เตรียมจัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. ของวันอังคารนี้ ตามวันเวลาท้องถิ่น ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่า รัฐบาลจีนของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง อาจจะประกาศยุติการใช้นโยบายโควิดฯเป็นศูนย์ หรือซีโร่โควิดฯ ในการแถลงข่าวที่กำลังจะมีขึ้นนี้ หลังจากทางคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน หรือเอ็นเอชซี ได้แถลงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยระบุว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่จำนวน 38,645 ราย เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ลดลงจากเมื่อวันอาทิตย์ที่จำนวน 40,347 ราย

รายงานข่าวระบุว่า จากกระแสคาดการณ์ดังกล่าว ทำให้ดัชนีในตลาดหลักทรัพย์ของจีน เพิ่มขึ้นในการซื้อขายเมื่อวันอังคารนี้จำนวนร้อยละ 2