บิ๊กป้อม ยันไม่เครียด ไม่เซ็งข่าว 2ป.แยกทาง บอกบิ๊กตู่จะไปไหนก็ไป ไม่ได้ขัดแย้งกัน ชี้พปชร.-รทสช. เป็นพรรคเดียวกันแต่ต่างคนต่างอยู่ "ชัยวุฒิ" ยังไม่ตอบเลือกอยู่กับ ลุงป้อม-บิ๊กตู่ ระบุทางยังไม่ชัด แจงไขก๊อกส.ส.เปิดโอกาสให้คนอื่น ขณะที่"พงศ์สินธุ์ -สุรเชษฐ" โบกมือลา "ปชป."สมัครสมาชิก"รทสช.
ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว เมื่อวันที่ 28 พ.ย.65 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานเปิดนิทรรศการ Thailand 4.0 โดยเมื่อเห็นสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวได้กล่าวว่า ไม่เซ็ง ตนตื่นเต้นอยู่ทุกวัน จะไปเซ็งอะไร สื่อนั่นแหละเซ็ง ตนไม่เครียดอะไรเลย เมื่อถามว่า ตื่นเต้นเรื่องอะไร พล.อ.ประวิตร บอกให้ไปถามสื่อคนนั้นดู เมื่อถามถึงกรณีส.ส.พรรคพลังประชารัฐโดนดูด พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี ก็ดูดไปดูดมากันนี่ล่ะครับ โดยเมื่อพล.อ.ประวิตร กล่าวถึงตรงนี้ได้เรียกหัวเราะจากคนที่อยู่บริเวณดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ดูดไป แล้วพล.อ.ประวิตรจะดูดกลับหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยืนยันว่าตนไม่ดูดหรอก ตนจะไปดูดใครมา เมื่อถามถึงกรณีมีส.ส. พรรคพลังประชารัฐไปอยู่กับพล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า อ๋อ เขาก็ไป ก็พรรคเดียวกันนั่นแหละครับ ไม่มีอะไรหรอกครับ เมื่อถามว่า พูดได้หรือไม่ว่า พรรคพลังประชารัฐกับพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคเดียวกัน พล.อ.ประวิตร มีท่าทีอึกอักก่อนจะตอบว่า พล.อ.ประยุทธ์กับผมก็เป็นพี่เป็นน้องกัน ไม่มีอะไร ท่านอยากไปอยู่นู้นก็ไป ผมไม่ว่าอะไร ผมไม่มีปัญหาอะไร ยืนยันว่าผมไม่มีความขัดแย้งกันเลย อยู่กันมา 40-50 ปีแล้ว จะมาขัดแย้งได้อย่างไร สื่อถามทุกวันเลย พร้อมกับระบุอีกว่า "ขอให้ประชาชนรับทราบด้วยนะว่า ผมไม่ได้มีความขัดแย้ง นี่เป็นสิ่งที่ผู้สื่อข่าวถามเองว่าให้ผมขัดแย้ง ผมไม่ขัดแย้งกับใคร ไม่ขัดแย้งกับสื่อด้วย ไม่ขัดแย้งอะไรกับใครทั้งนั้น "
ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากให้พูดให้ชัดเจนว่าการที่พล.อ.ประยุทธ์ออกไปเป็นแนวทางของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ใช่ เป็นเรื่องของนายกฯ ต้องไปถามนายกฯเองว่าเป็นแนวทางอะไร ก็ท่านจะไป ตนก็ไม่ว่าอะไร ตนไม่น้อยใจหรอก ตนมีลูกพรรคอีก 100-300 คน ที่จะต้องอยู่ทำงานร่วมกัน พรรคนี้จะต้องเป็นพรรคที่เป็นหลักให้กับประเทศชาติต่อไป เมื่อถามว่า แสดงว่ายืนยันชัดเจนแล้วใช่หรือไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติแล้วแน่นอน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า อันนี้ไม่ทราบ ต้องไปถามกันเอง
เมื่อถามว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้าเราจะเห็นพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติร่วมกันตีใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าว "ไม่ใช่ร่วมกันตี ต่างคนต่างอยู่นะครับ" เมื่อถามว่า แต่ที่บอกว่าเป็นพรรคเดียวกัน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็รู้จักกัน เขาก็เรียกพรรคเดียวกันสิ เมื่อถามว่า ในการเลือกตั้งรอบหน้า 2 พรรคจะแบ่งเขตลงเลือกตั้งกันใช่หรือไม่พล.อ.ประวิตร ส่ายหัวแต่ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงาน ระหว่างที่พล.อ.ประวิตรเดินทางกลับ ได้เรียก นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โอ๋ โอ๋ โดยผู้สื่อข่าวถามว่า นายชัยวุฒิยังคงอยู่กับพรรคพลังประชารัฐใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ตอบว่า ก็อยู่นี่ไง จะไปไหนละ ปั่ดโธ่ มีแต่สื่อพูดเองทั้งนั้น ขอให้ประชาชนรับทราบด้วย ปัดโธ่ มีแต่สื่อมวลชนเป็นคนพูดเอง ก่อนที่จะขึ้นรถเดินทางกลับในทันที
นายชัยวุฒิธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีลาออกจากส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่า ยืนยันว่าการลาออกจากการเป็นส.ส.ไม่มีนัยสำคัญอะไร แต่ลาออกเพื่อให้ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคได้เลื่อนลำดับขึ้นมาทำหน้าที่ในสภา ซึ่งคือ น.ส.วลัยพร รัตนเศรษฐ น้องสาวของ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งน.ส.วลัยพรเป็นคนเก่ง และมีความสนิทกัน ยืนยันไม่มีประเด็นทางการเมือง
ผู้สื่อข่าวถามว่า การลาออกเกี่ยวข้องกับที่ว่าจะอยู่กับพล.อ.ประวิตรหรือพล.อ.ประยุทธ์ นายชัยวุฒิ ย้อนถามสื่อมวลชนว่า "ทางมันชัดหรือยัง" เมื่อถามว่า ส่วนตัวคิดว่าชัดหรือยัง นายชัยวุฒิ กล่าวว่า "ดูลุงตู่ก่อนแล้วกัน และคิดว่าขณะนี้ทางยังไม่ชัด และที่สำคัญผมยังเป็นรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐอยู่ จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด" เมื่อถามว่า ยังไม่ได้เลือกใช่หรือไม่ว่าจะอยู่หรือจะไป นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ทางยังไม่ชัด พร้อมกับหัวเราะ และระบุว่าการลาออกในครั้งนี้ลืมคิดไปว่าจะเป็นประเด็นให้คนตกใจ สมัยก่อนก็มีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นที่ตนเคยอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ที่มีการลาออกเพื่อให้สมาชิกได้เลื่อนลำดับขึ้นมาทำงาน
วันเดียวกัน นายพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ น้องชาย นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมนำพวงมาลัยดอกดาวเรืองสักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเป็นการกราบลา
ต่อมา นายนายพงศ์สินธุ์เดินทางไปสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พร้อมกับ นายสุรเชษฐ มาศดิตถ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ โดยยื่นต่อ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อแสดงตนเป็นผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งขณะนี้รอความชัดเจนในการแบ่งเขตของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
นายพงศ์สินธุ์ กล่าวว่า เหตุผลในการยื่นใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ในวันนี้เพราะยึดฤกษ์ เวลา 10.39 น. ซึ่งเป็นมหาราชาฤกษ์ เนื่องจากเดิมตั้งใจจะสมัครเป็นสมาชิกในวันที่ 21 พ.ย.65 ที่ผ่านมา ที่มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์จะสมัครสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติในวันดังกล่าว แต่ติดเงื่อนไขว่าตนยังไม่ได้ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ จึงเลื่อนมาสมัครในวันนี้
ที่รัฐสภา นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความอึดอัดต่อพล.อ.ประยุทธ์ที่ยังไม่นำรายชื่อ นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นทูลเกล้าฯ ว่า ในช่วงการประชุมเอเปกที่ผ่านมาเข้าใจได้ว่านายกฯ มีภารกิจต่างๆ แต่หลังจากนั้น เราก็ขอให้มองเป็นเรื่องผลประโยชน์ประชาชนเป็นตัวตั้ง เพราะการปล่อยให้รัฐมนตรีว่างลง ไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนส่วนใหญ่จะแต่งตั้งอย่างรวดเร็วเพื่อเข้ามารับผิดชอบแก้ปัญหาให้ประชาชน ยืนยันว่านายนริศเป็นส.ส.อาวุโส เป็นรองประธานวิปพรรค ช่วยงานวิปรัฐบาลเป็นอย่างดีตลอดมา
ถ้าท่านนายกฯกรุณาแต่งตั้ง นอกจากจะเกิดผลประโยชน์ต่อผู้ปฏิบัติงานที่ดีแล้ว ก็จะเกิดประโยชน์กับประชาชน โดยเฉพาะชาวภาคใต้กำลังเจอมรสุม พายุ น้ำท่วม ดินถล่ม เพราะฉะนั้นถ้ามีรัฐมนตรีที่ควบคุมกำกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยโดยตรง ก็จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ก็ควรเอาประโยชน์ประชาชนเป็นตัวตั้ง ส่วนประเด็นทางการเมืองจะไปเกี่ยวกับข้องว่าท่านจะไปอยู่พรรคไหนอย่างไร จะอยู่สั้น อยู่ยาว ก็เป็นการตัดสินใจของท่านเอง แต่เรื่องการปรับครม.เป็นความรับผิดชอบต่อการบริหารราชการแผ่นดิน และทางพรรคประชาธิปัตย์ไม่จำเป็นต้องหารือกันอีก เชื่อว่านายกฯจะรับฟังความคิดเห็นของทุกพรรคร่วมรัฐบาล" นายชินวรณ์ กล่าว
ด้าน นายเสกสกล อัตถาวงศ์ หัวหน้าพรรคเทิดไท กล่าวว่า เห็นด้วยกับสำนักวิจัยซูเปอร์โพล สำรวจความเห็นประชาชนถึงผลงานรัฐบาลที่น่าพอใจ ส่วนใหญ่พบว่าด้านแก้ปัญหาความขัดแย้งของคนในชาติ ไม่สูญเสีย ไม่มีการเผาบ้านเผาเมืองเหมือนในอดีต และด้านมุมานะ อดทน ดูแลประชาชน ช่วงฝ่าวิกฤตชาติคือ พล.อ.ประยุทธ์ ขณะเดียวกันจุดยืนทางการเมืองของประชาชนเกินครึ่งสนับสนุนรัฐบาล ซึ่งเป็นผลพวงจากการก่อม็อบช่วงประเทศไทยจัดประชุมเอเปก ดังนั้นเป็นการแสดงให้เห็นแล้วว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศยังไว้ใจ และเห็นว่านายกฯทำงานเพื่อประชาชนได้ดี มีความจริงใจ ความพยายาม ในการทำเพื่อประชาชนในทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องของการลดความขัดแย้งในชาติ เพราะทุกคนทราบดีว่าก่อนที่นายกฯจะเข้ามาทำงานบ้านเมืองมีความขัดแย้งมากน้อยแค่ไหน ทำให้ประชาชนเดือดร้อน เบื่อหน่าย
นายเสกสกล กล่าวว่า ขอให้พรรคการเมืองที่เห็นต่าง หรือกลุ่มเคลื่อนไหวที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประเทศไม่ว่าจะเป็นช่วงใด ให้คำนึงถึงประชาชน รับฟังเสียงของประชาชนด้วยว่าเบื่อหน่ายอย่างไร เพราะประชาชนเขาได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักกับการที่ออกมาเคลื่อนไหวแต่ละครั้ง เพียงเพื่อสนองความต้องการของตัวเอง สนองความต้องการของพรรคการเมืองที่เห็นต่างที่อยากจะให้นายกฯลาออก หรือยุบสภา โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ประเทศชาติ และประชาชน แต่ตนเองก็ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่านายกฯและรัฐบาล ยังจะทำงานต่อไปให้ได้มาก และดีที่สุดในเวลาที่เหลืออยู่ของรัฐบาล
ผมจึงขอร้องกลุ่มที่จะมาเคลื่อนไหว หรือกลุ่มที่เห็นต่าง ได้เห็นใจความเดือดของประชาชน ควรยุติการเคลื่อนไหว เพราะอีก3-4 เดือน รัฐบาลก็ต้องหมดวาระ เพื่อเตรียมการเลือกตั้งใหญ่ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว" นายเสกสกล กล่าว