สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจีน ยังลุกลามอย่างรุนแรงต่อเนื่อง ล่าสุด คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน หรือเอ็นเอชซี แถลงเมื่อวันพฤหัสบดีนี้ว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงของวันพุธที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวนมากถึง 31,454 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากที่สุดของจีน นับตั้งแต่เกิดโควิด-19 แพร่ระบาดตลอด 3 ปีเป็นต้นมา

พร้อมกันนี้ ทางเอ็นเอชซี ยังระบุด้วยว่า ในนครเจิ้งโจว มณฑลเหอหนานของจีน ยังพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่จำนวนมากอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา พบจำนวนมากเกือบ 700 ราย

ทั้งนี้ จากสถานการณ์แพร่ระบาดอย่างรุนแรงในนครเจิ้งโจว ทำให้ทางการท้องถิ่นของมณฑลเหอหนาน มีคำสั่งให้ขยายการบังคับใช้มาตรการปิดพื้นที่ หรือล็อกดาวน์ เพิ่มขึ้นอีกหลายเขตในนครเจิ้งโจว เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-+19 โดยเป็นไปตามนโยบาย “โควิดฯ เป็นศูนย์” หรือ “โควิดฯ ซีโร่” ของรัฐบาลปักกิ่งภายใต้การนำของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง

โดยการประกาศบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ข้างต้น ยังครอบคลุมพื้นที่เขตอุตสาหกรรมในนครเจิ้งโจวด้วย ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ล็อกดาวน์ ซึ่งรวมถึงคนงานในเขตอุตสาหกรรมไม่สามารถเดินทางออกนอกพื้นที่ได้ สร้างความไม่พอใจให้แก่ประชาชนโดยในบางพื้นที่ ถึงขั้นมีผู้คนมารวมตัวประท้วงคำสั่งล็อกดาวน์ดังกล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันพุธที่ผ่านมา บรรดาคนงานของโรงงานฟ็อกซ์คอนน์ ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่สัญชาติไต้หวัน ในนครเจิ้งโจว จำนวนนับร้อยคน ได้พากันรวมตัวประท้วงคำสั่งล็อกดาวน์ของทางการท้องถิ่นจีน จนเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาควบคุมสถานการณ์ ทั้งนี้ มีรายงานว่านอกจากเรื่องคำสั่งล็อกดาวน์แล้ว เหล่าคนงานฟ็อกซ์คอนน์ยังไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อกรณีที่มีอาหารไม่เพียงพอ รวมถึงยังไม่ได้โบนัสจากทางโรงงานฯ ด้วย โดยล่าสุดทางโรงงานฟ็อกซ์คอนน์ได้ออกมาขอโทษต่อคนงานจากกรณีดังกล่าวแล้ว โดยระบุว่าเป็นความผิดพลาดทางเทคนิค