กตส.เผยทิศทางการปฏิบัติงาน ปี’66 มุ่งตรวจสอบบัญชีและส่งเสริมการทำบัญชี สร้างความเข้มแข็ง โปร่งใส แก่สหกรณ์และเกษตรกรทั่วประเทศ
วันที่ 22 พ.ย.65 นางสาวอัญมณี ถิรสุทธิ์ รองอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เปิดเผยถึงทิศทางการปฏิบัติงานของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ในปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ว่า กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้กำหนดแผนกลยุทธ์กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เพื่อเป็นกรอบทิศทางการขับเคลื่อนภารกิจของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ให้สอดคล้องกับเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ระดับชาติ ตอบสนองต่อนโยบายรัฐบาล และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ให้ความสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร โดยจัดทำ “ทิศทางการปฏิบัติงานของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (Roadmap 66)” เพื่อใช้เป็นคู่มือการปฏิบัติงานสำหรับหน่วยงานในสังกัด ให้ปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และสามารถบริหารงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายทิศทางการดำเนินงานของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ปี 2566 คือ สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน มีความเข้มแข็งด้านการเงินการบัญชี เกษตรกรมีภูมิคุ้มกันทางการเงิน และการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพก้าวสู่องค์กรดิจิทัล โดยแบ่งกิจกรรมหลัก เป็น 2 ด้าน ได้แก่
1.ด้านการตรวจสอบบัญชีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ดำเนินการตรวจสอบบัญชีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นและสร้างความโปร่งใสผ่านการตรวจสอบบัญชีของผู้สอบบัญชีทั้งภาครัฐและภาคเอกชน สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร สามารถใช้ประโยชน์จากผลการตรวจสอบบัญชีและข้อสังเกตจากผู้สอบบัญชีไปปรับปรุงการบริหารจัดการและอํานวยประโยชน์แก่มวลสมาชิกโดยรวม โดยเข้าตรวจสอบบัญชีระหว่างปีและประจำปี แก่สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรในกลุ่มพร้อมรับการตรวจสอบ (กลุ่มที่จัดทำบัญชีและงบการเงินได้) เข้าตรวจแนะนำแก่กลุ่มพร้อมรับการตรวจสอบที่จัดทำงบการเงินโดยผู้อื่น และกลุ่มไม่พร้อมรับการตรวจสอบ (กลุ่มจัดทำบัญชี และงบการเงินไม่ได้) เข้าวางระบบบัญชี และการควบคุมภายในแก่กลุ่มจัดตั้งใหม่ ติดตามการเสนอเลิกกลุ่มอาจถูกสั่งเลิก/กลุ่มต้องเลิกตามกฎหมาย และการตรวจสอบบัญชีสหกรณ์ และกลุ่มเกษตรกรที่ชำระบัญชี โดยมีเป้าหมาย 11,800 แห่ง รวมถึงเข้าพิสูจน์ความมีอยู่จริงของข้อมูลทางการเงินของสหกรณ์กับสมาชิก จำนวน 11,300 ราย เพื่อสร้างความโปร่งใสให้กับสหกรณ์ และการฝึกอบรมเศรษฐกิจการเงินขั้นพื้นฐานแก่สมาชิกสหกรณ์ จำนวน 2,800 ราย เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการทำธุรกรรมทางการเงินร่วมกับสหกรณ์
รวมถึงการผลักดันให้สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และสมาชิก ใช้แอปพลิเคชัน Smart4M ช่วยให้สมาชิกสามารถทราบข้อมูลการทำธุรกรรมของตนเองกับสหกรณ์ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสอบความถูกต้องให้แก่สหกรณ์ สหกรณ์สามารถนำข้อมูลไปวางแผนบริหารจัดการและสร้างระบบควบคุมภายในที่ดี ลดความเสี่ยงที่จะเกิดการทุจริตได้
2.ด้านการสอนบัญชีแก่เกษตรกรและกลุ่มเป้าหมาย จำแนกเป็นการสอนบัญชีแก่บุคลากรของสถาบันเกษตรกร (สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน) และการสอนบัญชีรายบุคคล ซึ่งประกอบด้วยบัญชีรับ-จ่าย ในครัวเรือนและบัญชีต้นทุนอาชีพแก่เกษตรกร ประชาชน เยาวชน กลุ่มเป้าหมายตามโครงการพระราชดำริและการพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครเกษตร (ครูบัญชีเกษตรกรอาสา) ดังนี้
- การสอนบัญชีแก่สหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร มุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพของการจัดทำบัญชี งบการเงิน ยกระดับชั้นคุณภาพการควบคุมภายในสถาบันเกษตรกร ส่งเสริมการใช้งานโปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ครบวงจร เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่สหกรณและกลุ่มเกษตรกร โดยพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของสหกรณ์ และกลุ่มเกษตรกรให้จัดทำบัญชีและงบการเงินได้ และนำข้อมูลทางบัญชีมาใช้ในการบริหารจัดการ สามารถพึ่งพาตนเองได้ มีเป้าหมาย 450 แห่ง รวมถึงการส่งเสริมการจัดทำบัญชีวิสาหกิจชุมชนเพื่อพัฒนาวิสาหกิจชุมชนให้มีความเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้ อันจะนำไปสู่การยกระดับเป็นผู้ประกอบการมืออาชีพ โดยมีเป้าหมายในการดำเนินการ 954 แห่ง
- การสอนบัญชีรายบุคคล ส่งเสริมการจัดทำบัญชีในครัวเรือนและบัญชีต้นทุนประกอบอาชีพให้เกษตรกรและกลุ่มเป้าหมาย พร้อมทั้งกำกับแนะนำกระตุ้นและติดตามการจัดทำบัญชี เพื่อส่งเสริมการจัดทำบัญชีให้ขยายผลไป ในทุกกลุ่มเป้าหมายกว่า 64,000 ราย รวมถึงการพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครเกษตร หรือครูบัญชี ให้เป็น Smart Farmer ด้านบัญชี เพื่อเป็นต้นแบบถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านบัญชี
รองอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวอีกว่า นอกจากการดำเนินงานตามภารกิจหน้าที่หลักทั้ง 2 ด้านแล้ว กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ยังได้กำหนดกิจกรรมการพัฒนาองค์กร ได้แก่ งานพัฒนาเทคโนโลยีด้านการบัญชีและการสอบบัญชี งานพัฒนาบุคลากร และงานพัฒนาสารสนเทศในการให้บริการและบริหารงานภาครัฐ โดยมีการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการบัญชีและการสอบบัญชีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ให้เข้าถึงง่าย สะดวก ทันต่อสถานการณ์ และผลักดันให้มีการใช้โปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดโครงสร้างและออกแบบระบบ การบริหารงาน ให้มีความยืดหยุ่น คล่องตัว กระชับ ทันสมัย สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้ในทุกมิติ และมุ่งเน้นการสร้างและพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความสามารถสูง พัฒนาผู้สอบบัญชีสหกรณ์เป็น Cyber Auditor เพื่อให้สามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงและเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล ยกระดับการดำเนินการด้านคุณธรรม และความโปร่งใสขององค์กร พัฒนารูปแบบการให้บริการประชาชนด้วยการบริหารจัดการองค์กรที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม พัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการบริหารองค์กร เพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่าย เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์เชิงรุกรูปแบบใหม่ (New Normal) ผ่านช่องทางต่างๆ อาทิ Website Facebook และ YouTube รวมถึงสื่อประชาสัมพันธ์ที่เป็น Mass Media ส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัย และพัฒนา และการสร้างภาคีเครือข่ายการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เป็นต้น
“กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ยังคงมุ่งมั่นตั้งใจร่วมมือกับทุกภาคีเครือข่ายและพันธมิตรทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และนโยบายในการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรทั่วประเทศ ให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนต่อไป” รองอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าว