วันที่ 22 พ.ย.65 ที่ศาลาว่าการกทม.เสาชิงช้า นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยนายต่อศักดิ์ โชติมงคล ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าราขการกรุงเทพมหานคร แถลงความคืบหน้ารถไฟฟ้าสายสีเขียว ณ ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกทม.(เสาชิงช้า) สืบเนื่องกรณีบีทีเอสซี ปล่อยคลิปทวงหนี้ 40,000 ล้านบาท โดยกล่าวว่า กทม.ไม่มีเจตนาชะลอการชำระหนี้ แต่มีเหตุผลที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ ดังนี้ ส่วนต่อขยาย 1 คือ สถานีอ่อนนุช-สถานีแบริ่ง และสถานีตากสิน-สถานีบางหว้า เนื่องจากมีคำสั่ง คสช. เมื่อวันท่ี 11 เมษายน 2562 มีการตั้งคณะกรรมการดำเนินโครงการให้ไปเจรจากับเอกชน รับภาระค่าจ้างเดินรถส่วนต่อขยายที่ 1 ตั้งแต่พฤษภาคม 2562 จึงไม่สามารถจ่ายได้ อีกทั้งมูลค่าหนี้อยู่ระหว่างให้บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด หรือ เคที คิดอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม

          ส่วนต่อขยาย 2 คือสถานีหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และ สถานีแบริ่ง-สมุทรปราการ เนื่องจากสัญญาส่วนต่อขยายดังกล่าว ไม่เป็นไปตามขั้นตอน คือ ไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภากรุงเทพมหานคร แต่เคทีกลับไปว่าจ้างเอกชนให้ดำเนินการวันที่ 28 มิถุนายน 2559 ก่อนจะมีบันทึกมอบหมาย ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2559 ขณะที่ส่วนต่อขยาย 1 ผ่านความเห็นชอบจากสภากทม.เรียบร้อยแล้ว

           นอกจากนี้ส่วนต่อขยาย 1 และ 2 ต้องรอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาและมีมติขยายสัมปทานหรือไม่ หาก ครม. อนุมัติทุกอย่างจะไปเป็นตามสัญญาใหม่ที่เอกชนจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย แต่ถ้า ครม. ไม่อนุมัติ เป็นหน้าที่ กทม. ที่จะต้องกลับมาพิจารณาใหม่ เพื่อให้ขั้นตอนถูกต้องตามกฎหมาย โดยมี 2 วิธี ได้แก่ 1.ให้สภากทม.ให้สัตยาบรรณย้อนหลังสัญญาจ้างเดินรถและสัญญาติดตั้งระบบ และ 2.ถ้าสภากทม. ไม่ให้สัตยาบรรณ ให้รอศาลปกครองตัดสิน

          ด้านนายต่อศักดิ์ กล่าวว่า กทม.มีเงินเพียงพอที่จะชำระหนี้ โดยเป็นเงินสะสมของกทม. ที่มีอยู่ 7 หมื่นล้านบาท เบื้องต้นได้เตรียมไว้ 1 หมื่นล้านบาท เพื่อมาชำระหนี้ ยืนยันว่าพร้อมจ่ายเงินทันที แต่กระบวนการไม่พร้อม จึงต้องทำอย่างรอบคอบ

        ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้มูลค่าหนี้ที่เอกชนทวงเป็นจำนวน 4 หมื่นล้านบาท มาจากค่าจ้างเดินรถส่วนต่อขยาย 1 จำนวน 3,800 ล้านบาท ค่าจ้างเดินรถส่วนต่อขยาย 2 จำนวน 14,000 ล้านบาท ค่าระบบอาณัติสัญญาณ จำนวน 19,000 บาท