เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 ร.ต.ท.ยงยุทธ ขัตติยะ รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์รับแจ้งเหตุรถบรรทุกพ่วง ทำเหล็กมัวน ขนาดใหญ่หล่นกีดขวางจราจร จึงประสานตำรวจจราจร สภ.บางสะพาน ออกตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุบนถนนเส้นเพชรเกษม - ชายทะเล บริเวณช่วงทางโค้งก่อนถึงหน้าโรงเรียนบางสะพานวิทยา อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พบรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ สีแดง ทะเบียน ประจวบคีรีขันธ์ บริเวณพ่วงพบเหล็กม้วนขนาดเล็ก (มินิคอยล์) จำนวน 4 ม้วนอยู่บนพ่วง และท้ายรถพบอีกจำนวน 8 ลูก น้ำหนักรวมประมาณ 12 ตัน หล่นกระจัดกระจายบนพื้นถนน โชคดีขณะเกิดเหตุไม่มีรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ขับขี่ตามหลังมาจึงไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ประสานรถยกเร่งคืนผิวจราจร
จากการสอบถามนายสุวัฒน์ อายุ 41 ปี ชาว อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบฯ พนักงานขับรถ ทราบว่า รถคันดังกล่าวได้เดินทางไปรับเหล็กม้วนขนาดเล็กจำนวนทั้งสิ้น 12 ม้วน น้ำหนักรวมประมาณ 18 ตัน บรรทุกใส่พ่วง เพื่อจะเดินทางไปส่งยัง โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง ที่จังหวัดระยอง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งตนได้วิ่งมาด้วยความเร็วปกติ ประมาณ 30-40 กม./ชม. แต่ลักษณะทางเป็นโค้งหักศอกจู่ๆ เหล็กม้วนที่บรรทุกมา 8 ลูก ได้ร่วงหล่นลงกระจัดกระจายเต็มถนน แต่โชคดีที่ไม่มีประชาชนขับขี่รถตามหลังมาจึงไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
ทางด้านนายอุดม สดใส ในฐานะประธานชมรมขนส่งรถบรรทุกเหล็กบางสะพาน กล่าวว่า สินค้าที่หล่นจากหลังรถพ่วงในครั้งนี้เป็นเหล็กม้วนขนาดเล็ก ที่เป็นจำพวกScrap น้ำหนักประมาณ ม้วนละหนึ่งตันกว่าๆ ซึ่งขบวนการในการขนส่งเกิดขึ้นจากทางโรงงานโดยตรง หมายความว่า ได้ว่าจ้างทางผู้ประกอบการโดยตรง ซึ่งจากการลงตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้น่าจะเกิดจากการรัดตรึงที่ไม่ครบถ้วนทำให้เวลาเข้าโค้ง สินค้าจึงมีการสไลด์ลื่นหลุดจากตัวรถ ซึ่งจะมีการสอบสวนสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งระหว่างบริษัทผู้ประกอบการขนส่งกับทางบริษัทต้นทางอีกที เพื่อหาวิธีการร่วมกันว่าจะมีมาตรการในการจัดการป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดขึ้นอีกต่อไปอย่างไร ซึ่งเบื้องต้นหลังเกิดเหตุได้มีการย้ำเตือนไปยังบริษัทต้นทางและผู้ประกอบการขนส่ง ให้ดูแลการรัดตรึงสินค้าอย่างแน่นหนาก่อนออกจากโรงงาน ซึ่งทางชมรมฯเองก็ต้องมีการมา ทบทวนว่าสินค้าประเภทนี้ (Scrap) ที่อยู่นอกเหนือมาตรฐานการขนส่งและการควบคุมของทางชมรมฯ จะมีการจัดระเบียบอย่างไรต่อไป