นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (ปลัด สธ.) เปิดเผยถึงข้อมูลการเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียเรื่องการติดเชื้อโควิด 19 ซ้ำ เสี่ยงเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 2 เท่า และป่วยหนักมากกว่าเดิม 3 เท่า ว่า ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าผู้ที่ติดเชื้อโควิด 19 แล้วสามารถติดเชื้อซ้ำได้ เนื่องจากภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติที่เกิดจากการติดเชื้อ หรือภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากวัคซีนป้องกันโควิด 19 สามารถลดลงได้เมื่อระยะเวลาผ่านไป ดังนั้นการป้องกันการติดเชื้อที่ดี คือ การยังคงปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันส่วนบุคคล โดยเฉพาะการสวมหน้ากาก เมื่ออยู่ในพื้นที่สาธารณะ หรือมีผู้คนรวมตัวกันจำนวนมาก ล้างมือบ่อยๆ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีโอกาสติดเชื้อซ้ำแต่เมื่อร่างกายเคยมีภูมิคุ้มกันแล้วก็จะช่วยลดความรุนแรงของโรคลง เห็นได้จากการที่ประเทศไทยมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 ไปแล้วกว่า 143 ล้านโดส และตั้งแต่การฉีดวัคซีนมีความครอบคลุมมากขึ้นสถานการณ์ความรุนแรงของโรคโควิด 19 ก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง จนสามารถปรับลดจากโรคติดต่ออันตรายมาเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังได้
“จากข้อมูลสถานการณ์พบว่าผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาล ร้อยละของผู้ป่วยที่มีอาการหนัก มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยวันที่ 12 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยอาการหนัก 329 ราย อัตราครองเตียงระดับ 2-3 อยู่ที่ร้อยละ 4.6 ถือว่าลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปรับเข้าสู่โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ซึ่งขณะนั้นมีผู้ป่วยอาการหนัก 466 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด 19 ในสัปดาห์ที่ 45 (วันที่ 6-12 พฤศจิกายน 2565) มี 42 ราย เป็นกลุ่ม 608 ทั้งหมด และปัจจัยสำคัญคือ ไม่ได้รับวัคซีน ได้รับวัคซีนไม่ครบเข็มกระตุ้น รวมถึงรับเข็มกระตุ้นเกิน 3 เดือน วัคซีนเข็มกระตุ้นจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดอาการรุนแรงและการเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 ได้ ยิ่งช่วงนี้เข้าสู่ฤดูหนาว ประกอบกับประชาชนเริ่มผ่อนคลายการสวมหน้ากาก มีกิจกรรมรวมตัวจำนวนมากเนื่องจากเข้าใกล้เทศกาลช่วงปลายปี ทำให้ผู้คนมีโอกาสติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ซึ่งบางคนอาจจะติดเชื้อซ้ำได้ ดังนั้นผู้ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนเลยขอให้รีบมารับวัคซีนโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุหรือกลุ่มเสี่ยงโรคเรื้อรัง หรือหากรับวัคซีนเข็มล่าสุดนานเกิน 3 เดือนขึ้นไป ก็ขอให้มารับเข็มกระตุ้นได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งจะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้น และปลอดภัยจากโรคโควิด 19 มากขึ้น”