วันนี้ (17 พ.ย.65) องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี โดยนายวิเชียร ขาวขำ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ให้ความสำคัญกับปัญหาเรื่องปากท้องชีวิตความเป็นอยู่อย่างมาก จึงเกิดโครงการต่างๆขึ้นมากมาย เพื่อช่วยเหลือประชาชนในจังหวัดอุดรธานี และหนึ่งในนั้นคือโครงการอบรมปลูกมะขามเศรษฐกิจเพื่อส่งเสริมอาชีพให้แก่ประชาชน ซึ่งจะให้ความรู้เกี่ยวกับการปลูกมะขาม การขยายพันธุ์มะขาม การดูแลรักษา นอกจากนี้ยังได้ต่อยอดผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประชาชนได้ เช่น การแปรรูปมะขามดอง มะขามแก้ว เม็ดมะขามอบแห้ง และน้ำมะขาม เป็นต้น ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานีได้จัดให้ประชาชนได้ลงมือปฏิบัติจริง โดยได้รับการสนับสนุนวิทยากรจากสำนักงานเกษตรจังหวัดอุดรธานีและบริษัทผลิตภัณฑ์อาหารสุนี จำกัด มาให้ความรู้และวางแผนแนวทางการตลาดให้กับประชาชนที่เข้าร่วมโครงการฯ
สำหรับมะขาม หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า Tamarind มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Tamarindus indica L. เป็นพรรณไม้ต้นขนาดกลางถึงใหญ่ แผ่กิ่งก้านสาขามาก เปลือกของต้นมีความหนา ขรุขระ ใบย่อยออกเป็นรูปขอบขนาน ปลายใบและโคนใบมน ออกดอกเป็นช่อเล็กๆ ตามปลายกิ่ง ส่วนผลเป็นฝักยาวประมาณ 3-20 เซนติเมตร รูปร่างโค้งหยักตามข้อปล้องของผล เปลือกของฝักเมื่ออ่อนจะมีสีเขียวอมเทา เนื้อในติดกับเปลือก มีเม็ดอยู่ในฝัก แต่เมื่อแก่เปลือกจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อน มีความแข็ง แห้ง กรอบ แตกง่าย เนื้อข้างในเป็นสีน้ำตาล เม็ดใหญ่ กลม สีดำ รสชาติมีทั้งหวานและเปรี้ยว ประโยชน์ของมะขามมีหลายอย่างเช่น ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย ในเนื้อมะขามมีกรดอินทรีย์ที่มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ สามารถทำเป็นน้ำมะขามดื่มแก้ท้องผูกได้ โดยนำมะขามเปียกผสมกับน้ำอุ่น 1 แก้ว ละลายให้เข้ากัน,แก้ไอ ขับเสมหะ มะขามเป็นสมุนไพรที่มีวิตามินซีสูง และยังมีสารสำคัญอย่างกรดทาร์ทาริก (Tartaric acid) ซึ่งมีสรรพคุณบรรเทาอาการไอ กระตุ้นการหลั่งน้ำลายและขับเสมหะ แถมยังช่วยบรรเทาอาการอักเสบ รักษาหวัด และขับเหงื่อ โดยจะกินมะขามจิ้มเกลือหรือจะทำน้ำมะขามดื่มก็ได้ ,ป้องกันและรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน วิตามินซีเป็นวิตามินที่ช่วยป้องกันและรักษาอาการเลือดออกตามไรฟัน ซึ่งในเนื้อมะขามฝักอ่อนมีวิตามินซีอยู่ประมาณ 44 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม ส่วนในเนื้อมะขามเปียกจะมีวิตามินซีราวๆ 13 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม สามารถกินเพิ่มวิตามินซีให้ร่างกายได้ทุกวัน เพื่อช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน และยังช่วยเรื่องขับถ่ายได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ถ้านำเปลือกต้นมะขามมาต้มหรือฝนกับน้ำปูนใส นำมาล้างแผลหรือรักษาบาดแผลเรื้อรังก็ได้เช่นกัน 9. สารต้านอนุมูลอิสระสูง คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทำการศึกษาและพบว่า ในเปลือกหุ้มเม็ดมะขามมีสารต้านอนุมูลอิสระ และมีสารประกอบฟีนอลิกในปริมาณสูง โดยสารสกัดจากเปลือกหุ้มเม็ดมะขามมีฤทธิ์ต้านออกซิเดชั่นได้ดีกว่าวิตามินอี 3.14 เท่า นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณยับยั้งอนุมูลอิสระได้ร้อยละ 50 ซึ่งถือว่ามีสารต้านอนุมูลอิสระสูง และดีต่อสุขภาพอย่างน่าสนใจ แต่ทั้งนี้ก็ควรจำกัดปริมาณสารสกัดเปลือกหุ้มเม็ดมะขามให้อยู่ในปริมาณ 300 มิลลิกรัมต่อวัน หรือประมาณ 1 แคปซูล ไม่ควรกินมากไปกว่านี้ 10. ผลัดเซลล์ผิวเก่า เผยเซลล์ผิวใหม่ มะขามมี AHA ค่อนข้างสูง และถ้าเรานำมะขามเปียกมาขัดผิว เส้นใยในเนื้อมะขามจะช่วยทำความสะอาดและผลัดเซลล์ผิวเก่าออกไป ส่วน AHA ก็จะช่วยบำรุงผิวให้ขาวกระจ่างใส โดยสูตรมะขามขัดผิวก็มีอยู่หลายสูตรด้วยกัน ลองเลือกสูตรที่ง่ายและสะดวกได้เลย
นายสุชัมบดี ขาวขำ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ในฐานะที่รับผิดชอบโครงการนี้ ยังฝากความปราถนาดีมายังประชาชนในจังหวัดอุดรธานีว่า สิ่งใดที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานีสามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานียินดีให้บริการในทุกเรื่องทุกมิติ เพราะองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานียึดประโยชน์สุขของประชาชนเป็นหลัก เมื่อมีพืชเศรษฐกิจทางเลือกมา จึงอยากเชิญชวนมาปลูกเพื่อสร้างมูลค่าให้กับมะขามและยังมีการต่อยอดผลิตภัณฑ์ต่างๆให้อีกด้วย นอกจากนี้มะขามยังมีประโยชน์ในหลายๆด้าน ทั้งอาหาร ความงาม และยาสมุนไพร องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานีพร้อมให้การสนับสนุนส่งเสริมอาชีพเพื่อก่อเกิดเป็นรายได้ และให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ แม้ในวิกฤติต่างๆ และสัญญาว่าเราจะก้าวผ่านทุกวิกฤติไปด้วยกัน