ก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำ APEC ปี 2565 จะเกิดขึ้นในวันที่ 18-19 พฤศจิกายน 2565 โดยประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในปีนี้ Cohesion Impact Hub (CIH) ได้จัดสัมมนาหัวข้อ “APEC และองค์กรประชาสังคมในอาเซียน: การส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์โลก” ที่ Sathorn Hub กรุงเทพ  เมื่อวันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา

โดย CIH เป็นหนึ่งในเสียงหลักของภาคประชาสังคมในภูมิภาคอาเซียน CIH มีวัตถุประสงค์ในการสร้างแพลตฟอร์มเพื่อขับเคลื่อนการทำงานภาคประชาสังคมของอาเซียน โดยนํากลุ่มที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมมารวมตัวกัน ซึ่งการสัมมนาครั้งนี้ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ในชุดหัวข้อการสัมมนาเรื่องความไม่แน่นอนของสถานการณ์โลก โดยการสัมมนา 2 ครั้งที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ CIH ได้หยิบยกประเด็นการระบาดของโควิด-19 และสถานการณ์ของแม่น้ำโขงมาหารือร่วมกันในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องในภาคประชาสังคม

การสัมมนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมมุมมอง รวมถึงตัวอย่างกรณีศึกษาขององค์กรภาคประชาสังคมในภูมิภาคอาเซียนที่สามารถส่งผลกระทบเชิงบวกต่อวาระการประชุมสุดยอดผู้นำ APEC และหาแนวทางร่วมกันในการทํางานอย่างใกล้ชิดกับประเทศสมาชิกเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและสร้างชุมชนที่แข็งแกร่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งการสัมมนาครั้งนี้ CIH ได้รับเกียรติจากกลุ่มตัวแทนภาคประชาสังคมและนักวิชาการของมหาวิทยาลัยมหิดล มาร่วมบรรยายและให้มุมมองจากด้านผู้บรรยายที่เชี่ยวชาญเพื่อเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนประเทศไปในทิศทางที่เหมาะสม ครอบคลุมการพัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมีหัวข้อดังต่อไปนี้

หัวข้อแรก "APEC ปี 2565 และความท้าทายของการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม" โดย รองศาสตราจารย์ ดร.กัมปนาท ภักดีกุล จากคณะสิ่งแวดล้อมและวิทยาศาสตร์ทรัพยากร มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงความท้าทายด้านสภาพอากาศของโลก ในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ประเทศอาเซียนกำลังเผชิญอยู่ และได้เสนอให้ประเทศมหาอำนาจ เช่น จีน, สหรัฐอเมริกาให้การสนับสนุนการพัฒนาองค์กรประชาสังคมในภูมิภาคอาเซียนและสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการรับมือกับความท้าทายด้านภูมิอากาศ

หัวข้อที่สองด้านสุขภาพและการบริการสาธารณสุข เรื่อง "เมื่อวิกฤตสุขภาพส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก: APEC อาเซียน และความสำคัญด้านสุขภาพ" โดย รองศาสตราจารย์ ดร.แสงเทียน อยู่เถา คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล นำเสนอการปรับปรุงและจัดหาสิ่งอํานวยความสะดวกด้านการดูแลสุขภาพอย่างมีคุณภาพตามแนวทางสุขภาพหนึ่งเดียว (One Health) และการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางบริการส่งเสริมสุขภาพ (Medical Hub) เพื่อฝ่าวิกฤติสุขภาพและพัฒนาด้านเศรษฐกิจไปพร้อมกัน ดร.แสงเทียน ได้ให้ความเห็นว่า ประเทศไทยและจีนสามารถให้การสนับสนุนทรัพยากรเพิ่มเติม และสนับสนุนองค์กรภาคประชาสังคมในประเทศไทยต่อไปได้ 

หัวข้อที่สามโดยคุณ Mahendra Singh เจ้าหน้าที่พัฒนาภูมิภาคขององค์กรพัฒนาชุมชนจากอินโน (Inno Community Development Organisation: Inno) ได้บรรยายเรื่อง “Putrajaya Vision 2040 และ APEC” กล่าวถึงวาระของ APEC ซึ่งเป็นส่วนเสริมของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs). นอกจากนี้เขายังชี้ให้เห็นถึงประสบการณ์อันมากมายของจีนในภาคห่วงโซ่อุปทานและวิธีการของภาคประชาสังคมในภูมิภาคอาเซียนจะได้รับประโยชน์จากประสบการณ์นั้น ประเทศจีนที่เป็นประเทศสมาชิกใหญ่ของ APEC สามารถส่งผลกระทบเชิงบวกต่อภาคประชาสังคมในภูมิภาค และช่วยเร่งการเติบโตของประเทศสมาชิก จากคำกล่าวของ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่ยินดีให้การสนับสนุนทรัพยากรเพิ่มเติมในความร่วมมือทางการประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิกครั้งที่ 27 ที่จัดขึ้นในปี 2563 กล่าวว่าทุกประเทศควรรักษาแนวคิดของการพัฒนาที่เน้นผู้คนเป็นศูนย์กลางและทําให้ผู้คนและชีวิตเป็นอันดับแรก

และหัวข้อที่สี่ “การยุติการทำร้ายร่างกายกับเด็กและเยาวชน” โดย คุณ Ilya Smirnoff ผู้อำนวยการมูลนิธิสายเด็ก 1387  (Childline Thailand) ยกประเด็นความปลอดภัยและความมั่นคงของสิทธิในร่างกายของเด็กและเยาวชนมาร่วมพูดคุยในงานสัมมนา เห็นได้ชัดว่า การลิดรอนสิทธิ์ในร่างกายของเด็กและเยาวชนยังมีอยู่มากในประเทศไทยและประเทศอาเซียนโดยเฉพาะในสถาบันการศึกษา จึงเน้นย้ำอีกครั้งถึงความจําเป็นในการผลักดันด้านสิทธิเด็กและเยาวชนที่กำลังจะเป็นกำลังสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนประเทศสมาชิกในภูมิภาคอาเซียน