วันที่ 16 พ.ย.65 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุข้อความว่า...

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 302,106 คน ตายเพิ่ม 612 คน รวมแล้วติดไป 640,885,762 คน เสียชีวิตรวม 6,617,258 คน

5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา

เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 8 ใน 10 อันดับแรก และ 16 ใน 20 อันดับแรกของโลก

จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 93.43 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 76.79

...When health is at risk, everything is at risk...

การประคับประคองระบบเศรษฐกิจให้ดีขึ้น และอยู่รอดได้อย่างยั่งยืนนั้น จำเป็นต้องพัฒนาเศรษฐกิจโดยลดความเสี่ยงต่อสุขภาพควบคู่ไปด้วย

แต่หากหน้ามืดตามัว เหยียบคันเร่งเศรษฐกิจ โดยหลงไปกับกิเลสภาพลวง ทั้งๆ ที่การระบาดยังมากและเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่กระตุ้นเตือนให้คนรู้เท่าทันกับสถานการณ์ การป้องกันตัวของประชาชนไม่เข้มแข็งพอ ก็จะเกิดปัญหาระบาดปะทุหนักขึ้นตามมาได้

บทเรียนจากประเทศต่างๆ ที่เสรีการใช้ชีวิต โดยไม่ได้ป้องกันตัว ก็ชี้ให้เห็นเป็นตัวอย่างระลอกแล้วระลอกเล่า เกิดติด ป่วย เสียชีวิต และ Long COVID สะสมมากขึ้น และจะสะท้อนกลับมาในรูปแบบค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพระยะยาวจากโรคเรื้อรัง และความทุพพลภาพที่เกิดขึ้นกับประชากรในภาพรวมของประเทศ

ประเทศที่เพิ่งเปิดเสรีท่องเที่ยว ก็ล้วนมีจำนวนติดเชื้อสูงขึ้น หลายเมืองสูงจนทำลายสถิติติดเชื้อรายวันเดิมที่เคยมีมา

ดังนั้นไทยเราก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น จำเป็นต้องตระหนักถึงความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเช่นกัน

การป้องกันตัวระดับบุคคลจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง

ลดละเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง สถานที่เสี่ยง แออัด ระบายอากาศไม่ดี

ไม่สบาย ควรแยกตัวจากคนอื่น ตรวจรักษาให้หายดีก่อนไปเรียนและทำงาน

ใช้ชีวิตอย่างมีสติ คอยสังเกตคนรอบข้าง หากเค้าไม่สบาย ก็ควรระวังเรื่องการไปคลุกคลีพบปะใกล้ชิด ใช้เวลาสั้นๆ

นายจ้างควรดูแลลูกจ้างและลูกค้าให้ดี ใส่ใจ ถามไถ่สุขภาพ และจัดการดูแล

ไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้นจะช่วยลดความเสี่ยงป่วยรุนแรง เสียชีวิต และ Long COVID

สำคัญมากคือ การใส่หน้ากากอย่างถูกต้องระหว่างที่ใช้ชีวิตประจำวัน จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก

ไม่ติดเชื้อ...ย่อมดีที่สุด