กลายเป็นไวรัลชั่วข้ามคืน หลังจาก "หมอกฤตไท ธนสมบัติกุล" เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก "สู้ดิวะ" ได้ออกมาโพสต์เล่าเรื่องการเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายของตนเอง

ล่าสุด "แพรรี่ ไพรวัลย์" หรือไพรวัลย์ วรรณบุตร ได้ร่วมส่งกำลังใจพร้อมโพสต์ถึงเรื่องราวดังกล่าวว่า "ในความเป็นจริงทุกคนล้วนมีเวลาในชีวิตจำกัดเหมือนกันค่ะ เพียงทว่าในความจำกัดที่พูดถึงนี้ ระยะย่อมสั้นยาวต่างกันไป แต่จะสั้นหรือยาวอย่างเราใช้เกณฑ์ของกาลเวลาเป็นตัวกำหนด ความหมายของการมีชีวิตแท้จริงแล้วอาจไม่ได้ตัดสินกันที่ตรงนั้นนะคะ

ในทางพระศาสนา พระบาลีสอนไว้ชัดเลยว่า เวลาแม้เพียงวันเดียวของคนที่มองเห็นและเข้าใจในสัจธรรมของชีวิต ย่อมประเสริฐกว่าเวลาแม้ยาวนานถึง 100 ปีของคนที่ไม่เคยได้เรียนรู้อะไรเลย

ทุกคนที่มีชีวิตแทบทั้งหมด ล้วนต้องการที่จะดำรงชีวิตอยู่นะคะ เราพยายามต่อสู้ พยายามสร้างทุกอย่างเพื่อสิ่งที่เรียกว่าความมั่นคงสำหรับชีวิต เราศึกษา หาเงิน ทำงาน ดูแลสุขภาพ เราซื้อบ้านและสร้างครอบครัว เพราะเราเข้าใจว่า มันคือความมั่นคงสำหรับชีวิต (เท่าที่เราจะทำได้)

ซึ่งก็คิดถูกแล้วนะคะ

แต่เพราะคำที่ว่า ใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง และชีวิตก็เป็นส่วนหนึ่งของความอนิจจัง ดังนั้น ถ้ามองเห็นแต่ความมั่นคงจากปัจจัยภายนอก ชีวิตก็ให้ความรับประกันอย่างใจเราหวังจริงๆ ไม่ได้หรอกค่ะ

ต่อให้มี 10 เรื่องที่เราควบคุมมันได้ ก็จะยังมีอีก 100 เรื่องที่เราไม่ควบคุมไม่ได้เสมอ และต่อให้เราเป็นคนเตรียมการเก่งแค่ไหน ก็จะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นโดยที่เราไม่เคยคาดคิดไว้ก่อนล่วงหน้าไว้ก่อนเสมอ

ชีวิตคือธรรมชาติ ตัวเราเป็นความเปลี่ยนแปลงตามกฎของธรรมชาติ เริ่มต้น เติบโต แล้วก็โรยราไปในวันหนึ่ง โรคนิทฺธํ ปภงฺคุณํ ร่างกายเป็นความเสื่อมลงและเป็นบ่อเกิดของโรคภัยค่ะ พระพุทธเจ้าท่านสอนอย่างนั้น

พระพุทธเจ้าบอกว่า ชีวิตไม่ต่างจากภาชนะดินเผา เพียงถูกกระทบกระแทกเข้าเล็กน้อย ก็พร้อมที่จะแตกสลายลงได้ในตลอดเวลา

ดิฉันอ่านเรื่องราวของพี่หมอท่านนี้แล้วดิฉันได้แง่คิดเยอะเลยค่ะ พี่หมอทำให้เราตระหนักว่า ชีวิตนั้น แท้จริงแล้วเปราะบางกว่าที่พวกเราคิด ความมั่นคงอื่นที่เราสั่งสม สุดท้ายก็ไม่จีรังเท่าความมั่นคงทางจิตใจที่เรามีอยู่ และเมื่อเราพึ่งพิงสิ่งใดไม่ได้ เราจำเป็นต้องมีหัวใจที่เด็ดเดี่ยวค่ะ

เรื่องราวของพี่หมอท่านนี้ช่วยตอกย้ำให้เราทุกคนได้ตระหนักว่า ความสุขในข้างวันหน้า ไม่มีความหมายเท่ากับความจริงที่เราเป็นในตอนนี้ ที่สำคัญ เมื่อเราได้เต็มที่กับทุกอย่างที่ผ่านมา เราก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรู้สึกเสียดายอะไร

ดิฉันเข้าใจเลยว่าทำไมศาสนาถึงสอนให้เรามองว่า มีแค่ปัจจุบันเท่านั้นที่เป็นของเรา ก็เพราะมันเป็นแบบนั้นจริงๆ ถ้าเราไม่เต็มที่กับตอนนี้ มีความสุขอยู่ตรงนี้ ทำสิ่งที่ควรต้องทำตอนที่ยังทำมันได้ บางทีแค่พรุ่งนี้มันก็ช้าและไกลเกินไปจริงๆ

อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น มันเป็นไปได้ทั้งนั้น ไม่ว่าเราจะพร้อมหรือไม่พร้อม เต็มใจที่จะรับหรือไม่เต็มใจ นี่คือความจริงนะคะ ตราบใดที่เราหายใจอยู่โลกที่หมุนรอบตัวของมันเองและไม่ได้หมุนรอบตัวเราอย่างที่เราคิด อะไรเป็นไปได้ทั้งนั้นค่ะ

เต็มที่ไปเถอะค่ะ ใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ทำสิ่งที่ใจรัก และส่งต่อพลังบวกให้คนอื่น เรียนรู้ความจริง เข้าใจโลกเข้าใจสัจธรรม หนึ่งวันก็มีความหมายมากนะคะ ถ้าเราหายใจอยู่ด้วยความรู้สึกว่าพร้อมแล้วที่จะยอมรับกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น พร้อมแล้วเพราะได้เต็มที่กับทุกอย่างที่ผ่านมา

หนึ่งวันก็มีค่าและประเสริฐมากๆ เลยค่ะ"

ขอบคุณ เฟซบุ๊ก ไพรวัลย์ วรรณบุตร