กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจัดให้มีการคัดเลือกปลัดเทศบาลทั่วประเทศเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง “กรรมการกลางพนักงานเทศบาล” หรือ ก.กลาง ของเทศบาล แทนตำแหน่งที่ว่างเนื่องจากเกษียณอายุราชการ จำนวน ๒ ตำแหน่ง ในวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ นี้

แหล่งข่าวแจ้งว่า ในการคัดเลือกครั้งนี้ มีผู้สมัคร ๓ ทีมๆ ละ ๒ คน ได้แก่ทีมของ ป.พิพัฒน์ วรสิทธิดำรง ปลัดเทศบาลตำบลสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งยังคงดำรงตำแหน่งในปัจจุบัน โดยได้ส่งลูกทีมจำนวน ๒ คน ได้แก่ นายวรากร ยานุทัย ปลัดเทศบาลตำบลบันนังสตา จังหวัดยะลา และนายพิชิต เจริญผล ปลัดเทศบาลตำบลทรายมูล จังหวัดยโสธร ทีมที่ ๒ เชื่อกันว่าเป็นฝั่งของปลัดเชื้อ ฮั่นจินดา ประธานสมาพันธ์ปลัดอบต.แห่งประเทศไทย ส่งทีมงานลงจำนวน ๒ คน เป็นปลัดเทศบาลเมืองกาญจนบุรี และปลัดเทศบาลที่อยู่จังหวัดอุดรธานี ทีมที่ ๓ เป็นทีมปลัดเทศบาลระดับสูง (รุ่นใหญ่) ประกอบด้วย ปลัดเทศบาลนครตรัง และปลัดเทศบาลนครขอนแก่น ส่วนผู้สมัครอิสระแหล่งข่าวแจ้งว่า เป็นปลัดเทศบาลที่อยู่ในจังหวัดอ่างทอง ๑ คน และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อีก ๑ คน

ทั้งนี้ สยามรัฐออนไลน์ ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ นายพิพัฒน์ วรสิทธิดำรง หรือที่รู้จักกันนาม ป.พิพัฒน์ หัวหน้าทีม “รวมพลังฅนเทศบาล” ต่อการส่งทีมงานลงสมัครในครั้งนี้ ถึงนโยบายและความมั่นใจในการคัดเลือกในครั้งนี้โดยป.พิพัฒน์ได้ให้ข้อมูลว่า ทีมรวมพลังฅนเทศบาล ได้รับการสนับสนุนจากสมาคมข้าราชการส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย และสมาพันธ์ปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย ในการจัดส่งคนลงสมัครเข้ารับการคัดเลือก

ซึ่งมีนโยบายที่สำคัญดังนี้

๑.ปลัดเทศบาลทุกคนต้องได้เลื่อนตำแหน่งระดับสูงก่อนเกษียณ

    ๑.๑)ให้เทศบาลสามัญที่มีรายได้ ๘๐ ล้านบาทขึ้นไปรวมเงินอุดหนุน กำหนดตำแหน่งปลัดเทศบาลระดับสูงโดยอัตโนมัติ

๑.๒)ให้ปรับโครงสร้างเทศบาลสามัญสามารถกำหนดตำแหน่งปลัดเทศบาล เป็น ระดับกลาง/สูง

๑.๓)กรณีสอบที่ส่วนกลาง ให้ขึ้นบัญชีไว้โดยไม่มีกำหนดเวลา

๒.เงินประจำตำแหน่งต้องเป็นธรรมและเหมาะสมกับทุกตำแหน่ง

-ผลักดันให้รื้อบัญชีเงินประจำตำแหน่งให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกตำแหน่ง

๓.เทศบาล อบจ. และอบต. โอน(ย้าย)ระหว่างกันได้

-ผลักดันให้เทศบาล อบต.และอบจ.โอน(ย้าย)ระหว่างกันได้ (กรณีปลดล็อค)

๔.สิทธิการขอพระราชทานเครื่องราชฯต้องเท่าเทียม

-ผลักดันให้ข้าราชการส่วนท้องถิ่นได้รับสิทธิขอพระราชทานเครื่องราชฯเท่าเทียมข้าราชการพลเรือน

๕.สิทธิขอพระราชทานเหรียญจักรพรรดิมาลา

-ผลักดันให้แก้ไขพ.ร.บ.เหรียญจักรมาลาและเหรียญจักรพรรดิมาลา พ.ศ. ๒๔๘๔ ให้พนักงานเทศบาลสามารถนำอายุราชการที่เคยรับราชการในองค์การบริหารส่วนตำบลมารวมด้วย และให้พนักงานส่วนตำบลมีสิทธิขอพระราชทานเหรียญจักรพรรดิมาลาด้วย

๖.การเทียบโอนต้องเสมอภาคเท่าเทียม

-ผลักดันให้แก้ไขตารางเทียบโอนข้าราชการตามกฎหมายอื่นมาดำรงตำแหน่งข้าราชการส่วนท้องถิ่นสายงานอำนวยการและบริหารตามที่ก.ถ.กำหนดเพื่อให้เกิดความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน

๗.เงินค่าน้ำมันรถยนต์แทนรถยนต์ประจำตำแหน่ง                                                                                              

-ผลักดันให้พนักงานเทศบาลและข้าราชการส่วนท้องถิ่นทุกประเภทได้รับเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งสำหรับพนักงานเทศบาลและข้าราชการส่วนท้องถิ่นทุกประเภทผู้มีสิทธิได้รถประจำตำแหน่งตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙

๘.เลขานุการสภาเทศบาลต้องเหมือนอบต.

-ผลักดันให้เลขานุการสภาเทศบาลซึ่งแต่งตั้งจากพนักงานเทศบาลได้รับเงินประจำตำแหน่งเลขานุการสภาเทศบาลเช่นเดียวกันกับอบต.

๙.ร่วมคิดร่วมแก้ไขปัญหากับฝ่ายเลขาฯก.กลาง

-ผลักดันให้มีการประชุมปลัดเทศบาลผู้แทนใน ก.ท.จ. ประชุมร่วมกับฝ่ายเลขานุการ ก.ท. (ก.กลาง) เป็นประจำทุก ๑ - ๓ เดือน เพื่อร่วมคิดร่วมแก้ไขปัญหาการบริหารงานบุคคลของเทศบาลให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน

“อย่างไรก็ตามนโยบายข้างต้นเป็นส่วนหนึ่งที่ทีมงานต้องการให้ผลักดันเนื่องจากเป็นปัญหามาเนิ่นนาน แต่ก็ยังมีปัญหาด้านการบริหารงานบุคคลอีกจำนวนมากที่ต้องได้รับความร่วมมือจากหลายๆ ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาของลูกจ้างประจำ พนักงานจ้าง และข้าราชการส่วนท้องถิ่นตำแหน่งอื่นๆ ปัญหาการสอบแข่งขันและสอบคัดเลือกสายงานผู้บริหาร ดังนั้น หากทีมงานทั้งสองคนได้รับการคัดเลือกในครั้งนี้ เชื่อว่าจะสามารถผลักดันแก้ไขปัญหาร่วมกันให้ประสบผลสำเร็จได้เร็วขึ้นอย่างแน่นอน” ป.พิพัฒน์ กล่าว

เมื่อสอบถามถึงความมั่นใจที่จะชนะในการคัดเลือกในครั้งนี้ ป.พิพัฒน์ กล่าวอย่างมั่นใจว่า จากการได้โทรศัพท์พูดคุยและพบปะกันเป็นการส่วนตัวกับผู้แทนปลัดเทศบาลแต่ละจังหวัดส่วนใหญ่ให้การสนับสนุนทีมรวมพลังฅนเทศบาล เนื่องจากเห็นการทำงานของทีมงานที่ผ่านมามีความชัดเจนเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ จึงเชื่อมั่นว่า ทีมงานทั้งสองคนจะได้รับการสนับสนุนให้เข้าไปทำหน้าที่เป็น กรรมการกลางพนักงานเทศบาลอย่างแน่นอน ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า ๑๐๐ - ๑๒๐ คะแนนต่อคน จากจำนวนผู้มีสิทธิทั้งหมด ๑๕๐ คน ๗๕ จังหวัดๆ ละ ๒ คน ขาดจังหวัดพะเยาที่ไม่ส่งผู้แทนปลัดเทศบาล