วันที่ 4 พ.ย.65 พล.อ.ท.นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา โพสต์เฟซบุ๊ก Ittaporn Kanacharoen หัวข้อ "แพทยสภา สอบข้อมูล กรณีแพทย์หญิงที่มีพฤติกรรม ไม่สุภาพ ที่เผยแพร่ ในโซเชียลมีเดีย"  ว่า ...

แพทยสภาได้รับเรื่อง จากผู้พบเห็นร้องเรียนในกรณีดังกล่าว จึงได้ ประสานไปยังผู้อำนวยการโรงพยาบาล และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด เพื่อแสวงหาข้อมูลและ ขอข้อเท็จจริง โดยเร่งด่วน

ท่านผู้อำนวยการโรงพยาบาล ได้ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น รายงานไปยังผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น และ ได้ให้แพทย์หญิงท่านดังกล่าวพักการปฎิบัติงาน เพื่อตรวจสอบรายละเอียดและแก้ไข พร้อมป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นในอนาคต พร้อมทั้ง ได้ดำเนินการให้ทีมงานติดตามดูแลผู้ป่วยรายดังกล่าวหากได้รับผลกระทบ รายงานว่าพบว่าแพทย์หญิงเคยมีกรณีเกิดขึ้นแล้วและได้ถูกลงโทษโดยหน่วยต้นสังกัด ครั้งนี้เกิดขึ้นอีก ทั้งนี้จะสรุปนำเรื่องรายงาน ตามลำดับชั้นและแจ้งแพทยสภาต่อไปครับ

ส่วนแพทยสภา หลังได้ข้อมูลจากการตรวจสอบข้อเท็จจริง จะตั้งกรรมการพิจารณาว่าพฤติกรรมนี้เข้าข่าย การดูแลผู้ป่วยโดยไม่สุภาพและเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์วิชาชีพ ตามข้อบังคับจริยธรรมแพทยสภาในระดับใด เพื่อ ให้กรรมการแพทยสภา พิจารณาโทษต่อไป

ขอขอบคุณ ผู้บริหาร กระทรวงสาธารณสุขที่ เร่งดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วครับ

อนึ่ง แม้ในกรณีดังกล่าว จะปรากฏปัญหาชัดเจน ที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งทางจริยธรรม

แต่อยากขอเรียนข้อเท็จจริงว่า แพทย์ที่ปฏิบัติงานห้อง ฉุกเฉินทุกท่าน โดยทั่วไปแม้ไม่มีปัญหา ปรากฏ แต่ทุกท่านจะต้องรับความเครียดจำนวนมากสะสม เพราะ ห้องฉุกเฉินเป็นห้องที่รับความทุกข์ของทุกๆคนที่เจ็บป่วย และญาติๆที่เป็นห่วงกังวลและรักผู้ป่วย ที่พวกเราทุกคนเข้าใจ

ทั้งคุณหมอและคุณพยาบาลจึงอยู่ในภาวะที่มีความเครียดสูงกว่าปกติ ในการที่แก้ไขปัญหาให้กับแต่ละราย ให้รวดเร็วซึ่งบางแห่งมีคนไข้ฉุกเฉินในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก แพทยสภา เชื่อว่า บุคลากรทางการแพทย์ทุกท่าน จะดูแลคนไข้ทุกคนอย่างเต็มที่ ตามขีดจำกัดความสามารถของแต่ละสถานพยาบาล โดยขึ้นกับจำนวนของผู้มาใช้บริการในเวลานั้นๆ ที่อาจจะต้องรอคอย

หากมีผู้ป่วยจำนวนมากเกินกำลัง ซึ่งย่อมทำให้เกิดความเครียดทั้งผู้ป่วยญาติและบุคลากร และมักจะนำไปสู่ปัญหาขัดแย้งได้ง่าย จึงขอให้ผู้มารับการรักษาโปรดเข้าใจ และเห็นใจ บุคลากรทางการแพทย์ด้วย จะเป็นพวกคุณยิ่ง พวกเราจะดูแลท่านอย่างเต็มที่ และหาก คุณหมอรู้สึกเครียดเกินไป อาจจะต้องพักเบรคหรือรายงาน ผู้บังคับบัญชาทราบเพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหา ในสถานพยาบาลนั้นๆ ครับ

 

 

ขอบคุณ เฟซบุ๊ก Ittaporn Kanacharoen