หนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ จาก “ไตรรงค์ สุวรรณคีรี” เมื่อวันที่ 27 ต.ค.65 ที่ผ่านมา ต้องนับว่าเป็นมรสุมทางการเมืองที่โถมเข้าใส่พรรคสีฟ้า ลูกล่าสุด และแน่นอนว่านี่อาจไม่ใช่ปรากฏการณ์ครั้งสุดท้าย

ไตรรงค์ ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคและทุกตำแหน่งในพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมทั้งให้เหตุผล เปิดใจผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเอาไว้ว่า “ #ผมขอมีลมหายใจเป็นของตนเอง #ใส่เสื้อฟ้าเป็นครั้งสุดท้าย #38ปีกับพรรคประชาธิปัตย์”

สิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ย่อมทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนภายในพรรคอย่างมาก เพราะไตรรงค์ คืออดีตรองนายกรัฐมนตรี และยังเป็นอดีตส.ส.หลายสมัย  หมายความว่า เขาเองจึงเป็นกำลังสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ผ่านร้อน ผ่านหนาวบนสังเวียนการเมืองมาแล้วโดยไม่ต้องนับ

และที่สำคัญ ไตรรงค์ ยังถือเป็นบุคคลที่มี “ศักยภาพ” หนึ่งในหลายคนที่ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ตามที่ “ชวน หลีกภัย” ประธานสภาผู้แทนราษฎร และในฐานะประธานสภาที่ปรึกษาพรรค กล่าวถึงในตอนหนึ่งของการตอบคำถามสื่อมวลชน เรื่องการลาออกของไตรรงค์

มีรายงานถึงความเป็นไปได้ที่ไตรรงค์ จะเลือกเข้าสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินบนถนนสายการเมืองต่อในการเลือกตั้งรอบหน้า และคาดว่าอีกไม่นานจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เนื่องจากในพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มี “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” นั่งเป็นหัวหน้าพรรค ก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นคนที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว

ไตรรงค์ ถือเป็นเบอร์ต้นๆของพรรค ปัจจุบันอายุ 78ปี ชาวสงขลา   นั่งในเก้าอี้กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เป็นตำแหน่งสุดท้ายก่อนลาออก เคยเป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และ กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และรองนายกรัฐมนตรี

ไตรรงค์ เคย เป็นเลขานุการส่วนตัวของ ศาสตราจารย์ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เมื่อครั้ง ศ.ดร.ป๋วย ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ได้รับเลือกเป็น ส.ส.ครั้งแรกในปี 2529 ในจังหวัดสงขลา สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นโฆษกรัฐบาลยุค “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี บทบาทของ ดร.ไตรรงค์ โดดเด่นมาก จนได้รับฉายาว่า "โฆษกสามสี " ซึ่งมาจากชื่อไตรรงค์  นั่นเอง