“บิ๊กบี้” พล.อ. ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ผู้มีอำนาจเต็มเก้าอี้ แข็งแรง มั่นคง เพราะนั่ง ยาว 3 ปี จึงกล้าตัดสินใจ ในสิ่งที่ อดีต ผบ.ทบ.หลายคน ไม่อยากแตะต้อง
ด้วยการสั่งปรับภูมิทัศน์ บก.ทบ. อีกครั้ง โดยให้ทุบทิ้ง บ่อน้ำพุ หน้า กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน ที่ถูกเรียกว่า สุสานน้ำพุ ปรับให้เป็นพื้นราบ ตามเดิม ที่เคยเป็น ก่อนปี 2558
บ่อน้ำพุแนวยาวหน้าเสาธง ถูกสร้างขึ้นในยุคที่ “บิ๊กโด่ง” พล.อ. อุดมเดช สีตบุตร เป็น ผบ.ทบ. ที่ขึ้นมานั่งเก้าอี้ ทบ. 1 ต่อจาก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เกษียณ แล้วไปเป็นนายกรัฐมนตรี หลังการรัฐประหาร คสช. ตั้งแต่ 1 ต.ค.2557
แต่ก่อนที่จะเกษียณราชการใน ก.ย. 2558 ในช่วงต้นปี พล.อ.อุดมเดช ซึ่งควบ ผบ.ทบ. และ รมช.กลาโหม ในรัฐบาล คสช.ของ พล.อ.ประยุทธ์ สั่งปรับภูมิทัศน์ เพิ่มความร่มเย็น ให้กับกองบัญชาการกองทัพบก ด้วยการให้ทำบ่อน้ำพุ แนวยาว หน้าเสาธง เพื่อลดความร้อน
แต่ก็ถูกมองว่า เป็นความเชื่อเรื่อง ฮวงจุ้ย โชคลาง ในเวลานั้น ซึ่งเป็นช่วงที่ พล.อ.อุดมเดช กำลังมีเพาเวอร์ และ สร้าง อุทยานราชภักดิ์ ที่ประจวบฯ ได้สำเร็จ และ ถูกจับตามอง ถึงอนาคตที่สดใส ของ ผบ.ทบ. สายทหารเสือราชินี ที่เติบโต มาจาก ร.21 รอ. กับ พล.อ.ประยุทธ์
โดยในเวลานั้น พล.อ.อุดมเดช มีไอเดีย ที่จะทำให้หน้า อาคารพิพิธภัณฑ์กองทัพบก ที่เป็น อาคาร กองบังคับการกรม นักเรียนนายร้อยจปร. ในอดีต ให้เป็นสถานที่ รับแขก เป็นหน้าตาของ กองทัพบก จึงให้เปลี่ยนพื้น ที่ลานหน้าบก.ทบ. เป็นกระเบื้องเซรามิค เผา เพิ่อให่เป็นพื้นที้สำหรับการสวนสนาม หรือ ทหารกองเกียรติยศ รับแขก ต่างประเทศ หรือ ผู้บังคับบัญขา มาเยือน โดยห้าม จอดรถ บนลานนี้เพราะกระเบื้องที่ปูพื้นจะแตก โดยให้กำลังพล ไปจอดรถ ที่อาคารจอดรถ ด้านหลัง บก.ทบ. แทน
พร้อมๆกับการปรับภูมิทัศน์ พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 ที่หน้าหอประชุม กิตติขจร ด้านหลัง บก.ทบ.ใหม่ โดยสร้างกำแพง ฉากหลัง ซ้ายขวา และวางแนวตันไม้เป๋นฉากหลัง ให้ดูเรียบร้อย สะอาดตา กั้นไม่ให้เห็น ชั้นล่างของหอประชุมกิตติขจร ที่มักมีสิ่งของมาวาง พักเวลาจัดงานต่างๆ เสมอๆ ดูไม่เรียบร้อย
ในขณะนั้น “บิ๊กหมู” พล.อ. ธีรชัย นาควานิช เป็น ผช.ผบ.ทบ. อยู่ ก็คงจะไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่อยู่ในฐานะที่จะคัดค้านใดๆ แต่ทันทีที่ พล.อ. ธีรชัย ขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. ต่อจาก พล.อ. อุดมเดช ที่เกษียณ แต่ยังเป็น รมช.กลาโหม ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ต่อ ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2558
คืนวันที่ 4 ต.ค. 2558 มีรายงานข่าวในทบ. พร้อมภาพ ถึงการทุบทิ้ง กำแพง ที่ พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 ออกหมด เช้ามา 5 ต.ค. 2558 กำลังพล ในทบ. ต่างเห็น การรื้อทิ้ง ที่ยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ อย่างหนัก
ถึงเกาเหลา ความขัดแย้ง ระหว่าง พล.อ. อุดมเดช และ พล.อ.ธีรชัย ผบ.ทบ.คนใหม่ ที่ซ่อนตัวอยู่ ทั้งๆที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่น เตรียมทหาร 14 มาด้วยกัน แต่ พล.อ.อุดมเดช เติบโตจาก สายทหารเสือราชินี ร.21 รอ. ส่วน พล.อ. ธีรชัย โดจาก ร.12 รอ. พล.ร.2รอ.
อีกทั้งช่วง โยกย้าย ต.ค. 2558 พล.อ. ธีรชัย เป็น แคนดิเด9 ผบ.ทบ.ชิงกับ “บิ๊กติ๊ก” พล.อ. ปรีชา จันทร์โอชา น้องชาย พล.อ.ประยุทธ์ โดยในเวลานั้น ทหารในทบ. เชื่อกันว่า พล.อ. อุดมเดช สนับสนุน น้องชาย นายกฯ รุ่นน้องตท.15 เป็น ผบ.ทบ. มากกว่า หนุน พล.อ.ธีรชัย เพื่อนร่วมรุ่น อาจเพราะมีเรื่องคาใจกัน ในระหว่างทางของการรับราชการทหาร การทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะตอนที่ พล.อ.ธีรชัย เป็น แม่ทัพภาค 1 และ พล.อ. อุดมเดช เป็น เสธ.ทบ. ตามตำนานเรื่องเล่าใน ทบ.
แต่ พล.อ.ธีรชัย ก็ได้เป็น ผบ.ทบ. เพราะเป็นสายตรง พี่น้อง 3 ป. โดยเฉพาะ ป.ป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ในเวลานั้น
แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดว่า เมื่อ พล.อ. อุดมเดช ส่งมอบหน้าที่ ผบ.ทบ. และ ก้าวพ้นรั้ว บก.ทบ. ปุ๊บ การล้างบาง ก็เกิดขึ้น ทันใด ทั้งการล้างบาง สถานที่ และ ตัวบุคคล พล.อ. ธีรชัย มีคำสั่งระงับคำสั่งกองทัพบกเลขที่ 579/2558 เรื่องให้นายทหารรับราชการ ที่ลงนามโดย พล.อ. อุดมเดช เมื่อ 29 กันยายน 2558 ก่อนที่จะเกษียณ ในวันแรกที่รับมอบตำแหน่ง ผบ.ทบ.จาก พล.อ.อุดมเดช 30 กันยายน 2557
ระงับไม่ให้ “เสธ.โจ้” พ.อ.คชาชาต บุญดี ผู้บังคับการทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ขยับเป็นรองผู้บังคับการมณฑลทหารบกที่ 11 (รองผบ.มทบ.11) มือขวา พล.อ. อุดมเดช
แต่ก็ทำให้ นายทหารในคำสั่งเดียวกัน ที่ไม่เกี่ยวข้อง อย่าง “เสธ.ต่อ” พ.อ.นิติ ติณสูลานนท์ ฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา หลานป๋าเปรม เป็นผู้บังคับการกรมพัฒนา 4 และ พ.อ.กิติศักดิ์ ถาวร ผู้บังคับการกรมพัฒนา 4 เป็นฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา โดยระงับไปด้วย
พล.อ. ธีรชัย ต้องการให้ทุกอย่าง กลับมาเป็นเหมือน ช่วงสมัยเป็นโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ เดิมที่ไม่มีฉากมาปิดอยู่ด้านหลัง และคืนลานจอดรถ หน้าบก.ทบ. ให้กำลังพล พร้อมคำสั่ง เอาแผ่นโลหะและไม้อัด มาปิดทับบ่อน้ำพุไว้ พร้อมคำสั่ง ห้ามเปิดใช้อีก
จนทำให้ บ่อน้ำพุนี้ เป็นเสมือน สุสานน้ำพุ เพราะ ดูคล้าย โลงขนาดใหญ่ และยาว ที่วางตัวอยู่ หน้าบก.ทบ. เลย และทำให้การใช้สนามหญ้า หน้าบก ทบ. ไม่สะดวก เพราะมีความสูง จากพื้นสนามหญ้า ขึ้นมา 1 ก้าว
แต่สุสานน้ำพุนี้ ก็นอนวางตัว อยู่อย่างนั้น มาหลายปี ตลอด 1 ปี ที่ พล.อ. ธีรชัย เป็น ผบ.ทบ. และต่อมา ในยุคที่ “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท เป็น ผบ.ทบ. 2 ปี และต่อด้วย “บิ๊กแดง” พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็น ผบ.ทบ. ต่ออีก2 ปี ที่ก็ปล่อยให้ สุสานน้ำพุ เป็นมรดกร้าว ของ พล.อ.อุดมเดช และ พล.อ.ธีรชัย ให้เป็นที่ย้ำเตือนถึง ศึกสายเลือด จปร. และ ตำนานเพื่อน ไม่รัก หักเหลี่ยมโหด แห่ง ทบ. เพราะไม่มี ผบ.ทบ.คนไหน อยากไปรื้อฟื้น หรือแตะต้อง ไม่ว่า จะ ให้เปิดใช้น้ำพุ อีกครั้ง หรือ ทุบทิ้งไป เพราะ ก็คงเกรงใจ ทั้ง พล.อ. อุดมเดช และ พล.อ. ธีรชัย
ที่หลังเกษียณ พล.อ.อุดมเดช ยังเป็น รมช.กลาโหม ต่อ และ ก็อยู่ใน คณะกรรมการมูลนิธิป่ารอยต่อฯ ของ พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่ แต่เจอวิบากกรรม เรื่อง อุทยานราชภักดิ์ แต่ก็ผ่านมาได้ จนปัจจุบัน ช่วยงานในสายกีฬามวยไทย ให้ พล.อ.ประวิตร
ส่วน พล.อ. ธีรชัย หลังเกษียณ ในปี 2559 ก็ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็น องคมนตรี แต่ก็มีปัญหาบางประการ ก่อนที่ต่อมา จะกราบบังคมทูลฯ ลาออก และเงียบหายไป จากแวดวงของ พล.อ.ประวิตร
เวลาที่ผ่านไป จาก ต.ค. 2558 ทั่ สุสานน้ำพุ มรดกร้าว กลายเป็น สิ่งที่เสียดแทงใจ นายทหารรุ่นน้อง มาตลอด จนที่สุด เมื่อ พล.อ. ณรงค์พันธ์ ขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. ในห้วง ปลายปี 2564 ช่วงที่เกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด จนทำให้ บก.ทบ. ต้องปฏิบัติตามนโยบาย work from home จะมีแต่ทหารที่อยู่เวรเท่านั้น ที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ พล.อ. ณรงค์พันธ์ จึงมีคำสั่งให้ ปรับภูมิทัศน์ หน้า บก.ทบ.ใหม่ ทั้งการทาสี และการเพิ่มต้นไม้ และให้รื้อ สุสานน้ำพุ หน้าบก.ทบ. ออก
พล.อ. ณรงค์พันธ์ ซึ่งเป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ. 904 ด้วย ก้าวข้าม ความเกรงใจ รุ่นพี่ด้วยการรื้อทิ้ง มรดกร้าวนี้ เพื่อจะได้ไม่มีอะไรให้สะกิดใจ กำลังพลในทบ. ถึงความขัดแย้งในอดีต ที่เคยทำให้ ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ต้องลำบากใจ กับความขัดแย้ง ของน้องๆ ที่ล้วนสนิทสนมกันมาทั้งนั้น จนต้อง ขอให้ ไปคุย และเคลียร์ใจกัน
แต่ก็หาได้ไม่ แม้จะร่วมงาน เจอหน้ากันได้ แต่ สายสัมพันธ์ของเพื่อน ตท.14 จปร.25 ก็สะบั้น กันไปแล้ว แต่ประวัติศาสตร์ น้ำพุ ทบ. ได้ถูกจารึกไว้ในตำนาน บก.ทบ. แล้ว
แต่ พล.อ. ณรงค์พันธ์ กำลังจะทำให้ บก.ทบ.ไฉไลกว่าเก่า ด้วยการปรับภูมิทัศน์ครั้งใหญ่ ที่นอกจากการเปลี่ยน พื้นสนามและฟุตปาธ แล้ว ยัง จัดสวนหย่อมใหม่ ปรับปรุง น้ำพุ ทรงกลม หน้าอาคาร บก.ทบ. ใหม่ พร้อมสร้าง กำแพงประวัติศาสตร์ ที่จารึกเรื่องราวของ บก.ทบ. และ รำลึกถึงทหารที่เสียสละชีวิต ในการปกป้องชาติ ที่คาดว่าจะเสร็จสิ้น ในกลางปี 2566
แต่หาใช่ การปรับภูมิทัศน์ เพื่อล้างบาง ล้างคราบไคล ลบรอยเท้าอันเกิดจากความขัดแย้ง เช่นที่เคยเกิดขึ้น ในบก.ทบ. หรือแม้แต่ ใน กองทัพเรือ พระราชวังเดิม และวังนันทอุทยาน ก่อนหน้านี้
ท่ามกลาง การถูกจับตามอง ว่า ในอีก 10 เดือนข้างหน้า ก่อนเกษียณ พล.อ. ณรงค์พันธ์ จะสร้างตำนานขัดแย้ง บทใหม่ ให้เกิดขึ้น ในบก.ทบ. หรือไม่ จากการแต่งตั้งโยกย้ายนายพล ส่งท้าย ว่าจะเลือก จะหนุน ใครเป็น ผบ.ทบ.
ขณะที่ ในภาพใหญ่ ความขัดแย้งของ พี่น้อง 3 ป. โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตร คีย์แมนอำนาจระดับประเทศ ที่จะจับจูงมือ กันไปต่อ หรือว่า จะสิ้นสุดความอดทน แยกทางกันเดิน ในทางการเมือง กำลังอยู่ในสายตา ที่จับจ้องของ น้องๆทหารสายเลือด จปร. ในกองทัพ ที่รอดูว่า ในที่สุด จะต้องเดือดร้อน น้องๆในกองทัพ มาแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมา หรือไม่