ด้วยนโยบายซีโร่โควิดที่ทางรัฐบาลจีนยังดำเนินต่อไปจนกว่าจะมีการประชุม 2 สภาของรัฐบาลจีนในเดือนมีนาคม 2566 จึงทำให้ทุกวันนี้มีกลุ่มคนจีนเดินทางมาไทยเพียงจำนวนหนึ่ง  โดยเป็นกลุ่มคนจีนที่เดินทางมาจากประเทศอื่นไม่ได้ออกจากจีนโดยตรง เช่น กัมพูชา สิงคโปร์ ตะวันออกกลาง ฮ่องกง ไต้หวัน ลาว เป็นต้น ซึ่งเดินทางมาเที่ยวตามแหล่งต่างๆ เช่น  สยามพารากอน ไอคอนสยาม และที่อื่น ๆ กลุ่มนี้เป็นคนจีนที่ทำงานและอยู่อาศัยในต่างประเทศ  

จีนยังคงนโยบายซีโร่โควิด

ทั้งนี้ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ด้วยสัญญาณจากรัฐบาลจีนที่มีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว  แต่ก็ยังเชื่อมั่นว่าไทยจะเป็นประเทศแรก ๆ ที่จีนจะปล่อยนักท่องเที่ยวออกเดินทาง  โดยรูปแบบการเดินทางในช่วงแรกน่าจะเป็นการเดินทางแบบกรุ๊ปมากกว่าเป็นแบบเดินทางด้วยตัวเอง (FIT) เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลจีนได้อนุญาตให้บริษัททัวร์เริ่มขยับและส่งออกนักท่องเที่ยวบางส่วนได้แล้ว  

อย่างไรก็ตามตลาดจีน ยังเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ หากรัฐบาลจีนยังไม่มีนโยบายเปิดประเทศในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าตามที่คาดการณ์ไว้ จะทำให้การขับเคลื่อนในเชิงจำนวนของนักท่องเที่ยวเป็นไปได้ยาก และเป้าหมายปี 2566 ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยตั้งเป้ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 20 ล้านคน และในจำนวนนี้น่าจะเป็นนักท่องเที่ยวจีนไม่ต่ำกว่า 4 ล้านคน จึงน่าเป็นไปได้ยากเช่นกัน ด้วยผู้ประกอบการของไทยจะเสียโอกาสในการทำตลาดจีนในช่วงไฮซีซั่นปี 2565 ตั้งแต่เทศกาลปีใหม่ ตรุษจีน สงกรานต์ และเป็นไปได้มากว่าภาคการท่องเที่ยวของไทยต้องรอนักท่องเที่ยวจีนในช่วงวันชาติจีนในเดือนตุลาคม 2566 เป็นต้นไป

จากข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ระบุว่า ประเทศไทยเริ่มมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเกินเดือนละ 1 ล้านคนมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565 โดยในช่วงตั้งแต่ 1 มกราคม-25 ตุลาคม 2565 ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 7.3 ล้านคน สร้างรายได้สะสม 2.5 แสนล้านบาท (ประมาณการจากโครงสร้างการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในอดีต) โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วย 1.มาเลเซีย 1.23 ล้านคน 2.อินเดีย 6.57 แสนคน 3.สปป.ลาว 5.34 แสนคน 4.กัมพูชา 3.71 แสนคน และ 5.สิงคโปร์ 3.63 แสนคน

นทท.ระยะสั้นมีศักยภาพ

ซึ่งนายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า เวลานี้มีนักท่องเที่ยวมาเลเซียเดินทางมายังประเทศไทยแล้วมากกว่า 1 ล้านคน ในปีนี้ และยังเป็นอันดับที่ 1 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เดินทางมายังประเทศไทย  และ คาดว่าตลาดยังเติบโตต่อเนื่องในไตรมาสสุดท้าย ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยว 1.8 ล้านคนภายในปีนี้

โดยนายธเนศวร์ กล่าวต่อว่า นักท่องเที่ยวระยะสั้นยังเป็นกำลังสำคัญที่จะส่งเสริมการฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะในโซนเอเชียและอาเซียน เนื่องจากเป็นตลาดที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยด้านค่าเงินน้อยกว่าและต้นทุนด้านพลังงานที่ต่ำกว่าตลาดที่อยู่ห่างไกล มาเลเซียจึงนับเป็นตลาดที่มีศักยภาพเนื่องจากนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางได้ทั้งทางบกและทางอากาศ

ในปัจจุบันนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียจำนวนมากจึงเลือกที่จะเดินทางโดยรถยนต์ผ่านด่านชายแดนต่างๆ ทางรถไฟ รถบิ๊กไบค์ หรือแม้แต่การเดินทางเป็นคาราวาน อีกทั้งไม่เพียงกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ตัวเมืองหาดใหญ่เหมือนภาพจำในอดีต แต่มีกระแสเดินทางท่องเที่ยวออกไปยังจังหวัดอื่นๆ มากมาย อาทิ กระบี่ พัทลุง ภูเก็ต สตูล นครศรีธรรมราช ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ เชียงราย เป็นต้น

ด้าน นางสาวสุกัญญา สิริกาญจนากุล ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้และแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียนั้นเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่ง เนื่องจากความเป็นมิตรของคนไทย ความปลอดภัย ความหลากหลายของสินค้าท่องเที่ยวที่สามารถตอบสนองนักท่องเที่ยวได้ในทุกความสนใจ  

ขณะที่นางนงเยาว์ จิรันดร  ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานกัวลาลัมเปอร์ กล่าวว่า  ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - วันที่ 7 ตุลาคม 2565 มีนักท่องเที่ยวมาเลเซียเดินทางเข้ามาแล้วประมาณ 1,041,293 คน สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวประมาณ 26,575 ล้านบาท และคาดว่าจะยังคงเพิ่มขึ้นจากปัจจัยจากการผ่อนคลายมาตรการทางสาธารณสุขของไทย และการเข้าสู่ช่วงฤดูการท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ช่วงปิดภาคเรียนของโรงเรียนในมาเลเซีย และช่วงวันหยุดที่สำคัญ ได้แก่ เทศกาลดีปาวลี คริสต์มาส และปีใหม่  เป็นต้น

สำหรับ นางดวงใจ  กาญธีรานนท์  ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานไทเป เปิดเผยว่า ททท. เดินหน้าเร่งฟื้นฟูตลาดระยะใกล้  ทำตลาดในเมืองไถจง ซึ่งเป็นการเปิดตลาดขยายสู่พื้นที่ใหม่ภาคกลางของไต้หวันชูจุดหมายปลายทางยอดนิยมของไทย ได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา เชียงใหม่  เกาะสมุย และหัวหิน โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Revisit สร้างรายได้ 14.3 ล้านบาท