วันที่ 3 พ.ย.65  ที่ บช.สอท. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. พร้อม พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. แถลงผลการปฎิบัติของตำรวจไซเบอร์ ขยายผลคดีผับดังย่านยานนาวา บุกค้นแหล่งทุนจีน พร้อมยึดทรัพย์สิน หลายร้อยล้านบาท ไว้ตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมายหรือไม่

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ที่ให้ความสำคัญในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในทุกรูปแบบโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่อง  การหลอกลวงข่มขู่ให้เกิดความเกรงกลัวหรือคดีคอลเซ็นเตอร์ (Call Center) ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชน  เป็นจำนวนมาก ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมามีกรณีชาวต่างชาติเสียชีวิตเพราะยาเสพติดในสถานบันเทิง และกรณีสถานบริการ เปิดให้บริการเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติได้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและการพนัน โดยเจ้าของกิจการหรือสถานบริการ ล้วนเป็นนักลงทุนต่างชาติ 

ซึ่งทางกองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี1 ได้รับแจ้งข้อมูลจากสายลับว่า สืบเนื่องจากกรณีเจ้าหน้าที่ ตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้นำหมายค้นของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 283/2565 ลงวันที่ 25 ตุลาคม 2565 เข้า  ตรวจค้นสถานบริการจินหลิง ย่านยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพ พบกลุ่มนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวจีนกว่า 237 คน เป็นชาย สัญชาติจีน จำนวน 111 คน เป็นหญิงสัญชาติจีน จำนวน 126 คน นอกจากนั้น พบพนักงานและบุคคลชาวกัมพูชา และชาวไทย ในบริเวณอาคารดังกล่าวอีกจำนวนกว่า 29 คน ตรวจยึดรถยนต์หรูกว่า 30 คัน เพื่อตรวจสอบหาเจ้าของว่ามีส่วนร่วม รู้เห็น หรือ เกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือมีพฤติการณ์อันเข้าข่ายฟอกเงิน หนึ่งในรถยนต์หรูที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดไว้นั้น ผู้ต้องหาหญิงชาวจีน เป็นผู้ขับ มีชายชาวจีนเป็นเจ้าของรถยนต์

โดยชายชาวจีนคนดังกล่าว คือกลุ่มอาชญากรรมออนไลน์แต่ถือหนังสือเดินทางประเทศกัมพูชาในการเดินทางและยังมีหนังสือเดินทางของประเทศต่างๆอีกเป็นจำนวนมาก รวมทั้งสวมสิทธิเป็นคนไทยมีบัตร ประจำตัวประชาชน เงินที่ได้จากการหลอกลวงจะถูกนำฟอกด้วยการทุนในธุรกิจต่างๆ ซื้อบ้านหรู คอนโดหรู รถยนต์หรูและ ทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก มีการจ้างจ้างบอดี้การ์ดคอยคุ้มกันตลอดเวลา จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบและ ดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญาออกหมายค้น

เมื่อวันที่ 2 พ.ย.65  พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. สั่งการให้ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) นำโดย พล.ต.ท.วรวัฒน์  วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พร้อม กำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ นำโดย พล.ต.ต.ศุภากรณ์ จันทาบุตร ผบก.ปพ. และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.อุดมสุข สน.ทองหล่อ ได้ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัยว่าเป็นที่พักอาศัยและใช้ในการกระทำ ความผิดของกลุ่มบุคคลขบวนการแก๊ง คอลเซ็นเตอร์ (Call Center) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 3 จุด

ซึ่งประกอบด้วย จุดที่ 1 ได้นำหมายค้นของศาลอาญาที่ 1062/2565 ลง 2 พ.ย.2565 เข้าตรวจค้น บ้านเลขที่ 396/63 ซอยกาญจนาภิเษก 50 แขวงดอกไม้ แขวงประเวศ กรุงเทพฯ พบชายชาวจีน 3 คน หญิงชาวจีน 2 คน และคนไทย 3 คน  1.นายพรชัย (สงวนนามสกุล) (เป็นคนขับรถของ MR.LIN YIAN)  2.น.ส.เสี่ยวจือ (สงวนนามสกุล) (แม่บ้าน)  3.นางรุ่งนภา (สงวนนามสกุล) (แม่บ้าน)  4.MR.XIAO JIANWEN (คนดูแลบ้าน)  5.MRS. XUE WANG (เพื่อนของ MR.LIN YIAN 6.MR.FEIXIONG CHEN (เพื่อนของ MR.LIN YIAN)  7.MRS.YULIAN LI (เพื่อนของ MR.LIN YIAN)  8.MR.LIN YIAN อายุประมาณ 25 ปี ถือหนังสือเดินทางประเทศกัมพูชา  

พร้อมพร้อมตรวจยึดทรัพย์สินหลายรายการอาทิเช่น 1.รถยนต์ยี่ห้อ CHEVROLET CORVETTE (ป้ายแดง)หมายเลขทะเบียน ฬ-2258 กทม. 
2.รถยนต์ยี่ห้อ โตโยต้า อัลพาร์ท สีดำ หมายเลขทะเบียน 3 ขด 7517 กรุงเทพมหานคร  3.รถยนต์เบนซ์ GLS 350D สีเทา (ป้ายแดง)หมายเลขทะเบียน ล-4669 กทม.  4.รถจักรยานยนต์ดูคาติ รุ่น 1299 panigales สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 5.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ monkey สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน  6.สุราจีน Moutai จำนวน 50 ขวด ,7.สุราต่างประเทศ XO จำนวน 8 ขวด ,8.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 13 เครื่อง ,9.คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค จำนวน 3 เครื่อง ,10.เงินสด จำนวน 7 ล้านบาท 
 
ส่วน จุดที่ 2 ได้นำหมายค้นของศาลอาญาที่ 1090/2565 ลงวันที่ 1 พ.ย.2565 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 89/46 หมู่บ้านแกรนด์  บางกอก บูเลอวาร์ด บางนา-อ่อนนุช แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นบ้านของนาย LIN YIAN พบชายชาวจีน จำนวน 1 คน และคนไทย 2 คน   1. Mr.Li QINGAN (หลี ชิงอาน) ซึ่งเป็นบิดาของนาย LIN YIAN ,2. นายอดิศร (สงวนนามสกุล) 3. น.ส.ธนสุธางศ์ (สงวนนามสกุล)  พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินอีกหลายรายการอาทิเช่น  1.รถยนต์ยี่ห้อ โตโยต้า อัลพาร์ท สีดำ (ป้ายแดง) จำนวน 3 คัน  2.นาฬิกาหรูยี่ห้อ Patek Philippe จำนวน 1 เรือน ,3.เงินสด จำนวน 7.5 ล้านบาท 4.สมุดบัญชีธนาคารกสิกรไทย จำนวน 1 เล่ม  5.บัตรประจำตัวประชาชน ชื่อนายยะปะสอ   6.หนังสือเดินประเทศไทย  


 
ขณะที่จุดที่ 3 นำหมายค้นของศาลอาญาที่ 1089/2565 ลง 1 พ.ย.2565 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 153 คอนโดสุภาลัย  โอเรียลเต็ล สุขุมวิทตึก D ชั้น 33 สุขุมวิท 39 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นบ้านของนาย LIN YIAN พบมีชายชาวจีน 2 คน หญิงชาวจีน 2 คน ดังนี้ 1. Mr. LI XIAOQIANG (นาย ลี เสี่ยว เฉียง)  2. Mr.LIN PEIJIE (นาย ลิน ปิงเจอ)  3. .Mrs.ZHANG RUIPING (นางสาว จาง ลุ่ยปิง )  4. .Mrs. ZHANG RUIJUAN (นางสาว จาง ลุ่ยจวน )  นอกจากนี้ยังตรวจยึดทรัพย์สินภายในห้องพักดังกล่าว อีกหลายรายการอาทิเช่น 1.เงินสดจำนวน 28 ล้านบาท  ,2.กระเป๋าแบรนเนมหรู 8 ใบ ,3.บุหรี่ซิการ์ ต่างประเทศ  

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า จากนั้นเมื่อนำบัตรประจำตัวประชาชนที่ตรวจยึดได้นำมาตรวจสอบกับสารบบทะเบียนราษฎร์ ของกรมการปกครอง  ปรากฏว่าเลขประจำตัวประชาชนดังกล่าว นายทะเบียนออกให้กับบุคคลอื่น(ใบหน้าไม่ตรงกัน) จึงเชื่อว่าเป็นการปลอมบัตร ประจำตัวประชาชน  จึงแจ้งข้อกล่าวหา MR.LIN YIAN ว่า “ปลอมบัตรประจำตัวประชาชน”นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของ กลางส่งพนักงานสอบสวน สน.อุดมสุข เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย  และจากการตรวจสอบ Mr. LI XIAOQIANG (นาย ลี เสี่ยว เฉียง) ปรากฏว่าอยู่ในราชอาณาจักรเกินกำหนดเวลาที่ ได้รับอนุญาต จึงแจ้งข้อกล่าวหา “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” และ พบว่า  Mr.LIN PEIJIE (นาย ลิน ปิงเจอ) ครอบครองสุราต่างประเทศหลายยี่ห้อเกิดกว่าที่กฎหมายกำหนดให้ครอบครอง จึงแจ้งข้อ กล่าหา ให้ทราบว่า “มีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าที่เป็นสินค้าที่ไม่ได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน” และนำตัวผู้ต้องหาทั้ง สองคนพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป  

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า จากการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจยึดรถยนต์หรู, เงินสด, รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์  นาฬิกาหรู กระเป๋าแบรนเนม และทรัพย์สินต่างๆ รวมมูลค่าทรัพย์สินหลายร้อยล้านบาท ซึ่งจะได้ดำเนินการตรวจสอบความ ถูกต้องและความเชื่อมโยงกับคดีอาชญากรรมออนไลน์ที่ได้มีการแจ้งความไว้ในระบบการรับแจ้งความออนไลน์ของสำนักงาน ตำรวจแห่งชาติหรือไม่ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป  

ซึ่งกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ยังคงมุ่งเน้นที่จะสนองนโยบาย ของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการบังคับใช้กฎหมาย ดำเนินการเชิงรุก ปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดอย่าง จริงจังและต่อเนื่อง มีผลการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน และการอำนวยความยุติธรรม เพื่อบำบัดทุกข์และบำรุงสุขของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ ตามวิสัยทัศน์ของ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ผบ.ตร. ที่ว่า เป็นตำรวจมืออาชีพ ทำงานเชิงรุก เพื่อความสงบสุขของประชาชน