"บิ๊กป้อม" บอกไม่รู้ "ธรรมนัส" บินดูไบพบ "ทักษิณ" ลั่น"ไม่รู้ ไม่เกี่ยว ไม่เจอกัน จุรินทร์เผยยังไม่มีสัญญาณยุบสภา ถ้าทำจริง นายกฯ ควรหารือพรรคร่วมก่อน ด้าน"เสรีพิศุทธ์ อัด "บิ๊กตู่" หมดปัญญาหาเงินใช้หนี้ เปิดขายแผ่นดินใช้หนี้เงินกู้ 10 ล้านล้าน ประชดขอทานต่างชาติก็ซื้อที่ดินไทยได้ ขณะที่ศาลรธน. ยุติไต่สวนกม.พรรคการเมือง นัดลงมติขัดรธน.หรือไม่ 23 พ.ย. 

     เมื่อวันที่ 2 พ.ย.65 ศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพร่ข่าวผลการประชุมกรณีที่ประธานรัฐสภา ส่งความเห็นของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จำนวน 77 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 148 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบมาตรา 132 ว่าร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่.. ) พ.ศ. ... มาตรา 3, มาตรา 4, มาตรา 5, มาตรา 6, มาตรา 7 ,มาตรา 9 และมาตรา 10 มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 45 ,มาตรา 83 ,มาตรา 86 ,มาตรา 90 ,มาตรา 91 และมาตรา 258 ก.ด้านการเมือง (2) หรือไม่ หรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่
    
 ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญได้อภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยแล้วเห็นว่าคดีเป็นปัญหาทางข้อกฎหมายและมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวนตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง จึงกำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติในวันพุธที่ 23 พ.ย. เวลา 09.30 น.

     ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 2 พ.ย.65 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่ปรากฏภาพ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย เดินทางไปนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งมีข้อสังเกตว่าเดินทางไปพบกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ ว่า "ไม่รู้ ก็ต้องไปถามเขา"
     
ผู้สื่อถามว่า จะสอบถามร.อ.ธรรมนัส ถึงเรื่องดังกล่าวหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวทันทีว่า ไม่เกี่ยวๆ ไม่เจอกันเลย ไม่เจอกันเลย เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่ร.อ.ธรรมนัสจะกลับไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว และเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลทันที

     ที่ลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ  และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ว่า ได้เตรียมพร้อมแล้วทุกภาคไม่เฉพาะภาคใต้ แต่สำหรับภาคใต้นั้นมีผู้สมัครครบแล้วทั้ง 58 เขต 58 คน เพียงแต่ว่ายังไม่ได้เปิดตัวครบทุกจังหวัด ก็จะทยอยเปิดตัวไปเรื่อยๆ ซึ่งในวันที่ 12 พ.ย.นี้ จะได้เปิดตัวผู้สมัครที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ถัดจากนั้นจะได้ไปพัทลุง และจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งตอนนี้ก็มีผู้สมัครครบแล้วทั้ง 12 เขต และจะย้อนมาเปิดตัวที่ภูเก็ต พังงา รวมถึงบางจังหวัดที่ยังไม่ได้เปิดตัวผู้สมัคร จนครบทั้งหมด 
  

     ไม่ได้พร้อมเฉพาะปักษ์ใต้ ในหลายภาคก็พร้อม หลังจากกลับจากสหรัฐฯ ก็จะไม่เข้าบ้าน แต่จะเดินทางต่อไปนครราชสีมา เพื่อเปิดตัวผู้สมัครในวันที่ 6 พ.ย. หลังจากนั้นจะทยอยเปิดตัวอีกในหลายพื้นที่หลายจังหวัดที่เรามีผู้สมัคร ขณะที่ในภาคเหนือ ผมก็เพิ่งเปิดตัวผู้สมัครที่เชียงใหม่ 3 เขต แล้วก็มีที่จ.พิจิตร จ.นครสวรรค์ ถัดจากนี้ก็จะไปจ.ลำปาง จ.แพร่ จ.พะเยา รวมทั้งจ.พิษณุโลกด้วย สำหรับภาคกลางก็จะทยอยเปิดเพิ่มเติมที่จ.ระยอง ส่วนจ.จันทบุรี จ.สมุทรสาคร นั้น เปิดตัวไปแล้ว สำหรับจ.นครปฐม ความจริงท่านเลขาธิการพรรคก็ดูผู้สมัครครบนานแล้วทั้ง 3 เขต และมั่นใจว่ายกทีม ส่วนกรุงเทพฯ ก็จะทยอยเปิดตัวไปเรื่อยๆ เราไม่ได้พร้อมเฉพาะปักษ์ใต้ หลายภาคก็ได้เตรียมผู้สมัครไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่บางเขตก็ต้องใช้เวลาในการพิจารณาระยะหนึ่งเพื่อดูผู้ที่จะเหมาะสมที่สุด หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
   
  ผู้สื่อข่าวถามถึงบางเขตในจ.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์เคาะผู้สมัครลงตัวแล้วหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้ได้มอบหมายให้รองหัวหน้าพรรค ภาคใต้ นายเดชอิศม์ ขาวทอง ได้ดำเนินการ เข้าใจว่ามี 1 เขต ที่ต้องทำโพล ซึ่งผลโพลออกมาอย่างไร รองหัวหน้าภาคจะเป็นผู้ดำเนินการต่อไป
  
   ที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย (สร.) กล่าวถึงมติครม.อนุญาตให้ชาวต่างชาติซื้อที่ดินได้ ว่า การซื้อขายที่ดินก็เหมือนโทรศัพท์มือถือ หากมีเงินก็ซื้อเครื่องใหม่ แต่ถ้าไม่มีเงินก็ขายเครื่องเก่า ซึ่งเหมือนกับคนมีที่ดิน พอไม่มีเงิน เมื่อมีนายทุนมาซื้อที่ดินก็ขายจนไม่มีที่ทำกิน ก็ต้องไปรับจ้างคนอื่น ตนมาเป็นส.ส. 3 ปีเศษ ใช้เงินไปเยอะแล้ว เลือกตั้งครั้งหน้าก็ต้องใช้เงิน ตนจะทำอย่างไร ตอนนี้กำลังขายที่ดินเพราะเงินในกระเป๋าไม่พอ เป็นหัวหน้าพรรคก็ต้องดูแลลูกพรรคด้วย ดังนั้นเมื่อเราต้องการขายผู้ซื้อก็ต้องกดราคา เป็นเรื่องปกติและในส่วนของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ทำไมจึงต้องขายที่ดินให้คนต่างชาติ ทำไมไม่ไปซื้อที่ดินเขมร ลาว เมียนมา ยึดมาเป็นของไทยให้หมด แต่เป็นเพราะตอนนี้รัฐบาลเป็นหนี้ 10 ล้านล้านบาท หมดกระเป๋าแล้ว แต่ยังเที่ยวไปกู้มาใช้สุรุ่ยสุร่าย มีโครงการนั้นมีโครงการนี้ โดยไม่เกิดประโยชน์อะไร 
     
    "เมื่อกู้มาก ดอกเบี้ยก็มากตาม ตอนนี้สมองแตกแล้ว ไม่มีปัญญาว่าจะใช้หนี้อย่างไรแล้ว เพราะหากไม่ใช้หนี้ที่กู้มาประเทศก็ต้องล้มละลาย ดังนั้น รัฐก็ต้องหาวิธีการทุกทางเพื่อให้ได้เงินมาใช้หนี้และใช้จ่ายในประเทศ ก็ขายที่ไร่ละ 40 ล้านบาท ให้ต่างชาติ รัฐบาลก็บอกว่าสามารถขายได้เพราะคนไทยยังไปซื้อที่ดินที่อังกฤษและอเมริกาเลย แม้แต่ลูกของคุณประยุทธ์ก็ยังไปซื้อบ้านที่อังกฤษ เพราะเงินไทยอ่อนกว่าดอลลาร์และปอนด์ เมื่อเขาเอาเงินที่ใหญ่กว่าเรามาซื้อที่ดินก็จะได้ที่ดินมาก คนจำนวนมากก็จะมาซื้อ แต่คนไทยไม่มีปัญญาไปซื้อที่ดินเมืองนอก เพราะรายได้วันละ 350 บาท ยังไม่เท่า 1 ชั่วโมงของเขาเลย อีกหน่อยขอทานในอเมริกาก็สามารถมาซื้อที่ดินในไทยได้ เพราะวันหนึ่งเขาขอทานไม่รู้ได้วันละเท่าไหร่"
           
     พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้ที่รัฐบาลคิดขายที่ดินเพราะหนี้มาก แล้วต้องขายเท่าไหร่จึงจะมีเงินมาใช้หนี้ 10 ล้านล้านบาท สงสัยต้องขายทั้งประเทศ ซึ่งตอนนี้ทุกคนก็รู้แล้ว นโยบายของพล.อ.ประยุทธ์เป็นอย่างไร ขายชาติหรือไม่ขายชาติ ตามที่คนเขาพูดกัน ตนไม่อยากจะฟันธง แต่อยากให้คิดแบบชาวบ้านว่าขายชาติหรือไม่ และถ้าไม่หยุดที่ดินก็จะหมดประเทศ พวกเราจะไม่มีที่อยู่ หรืออยู่ก็อยู่แบบยาจก ดังนั้นขอฝากถึงพล.อ.ประยุทธ์ว่าหากไม่ยกเลิกเรื่องนี้เสีย พวกเราเป็นรัฐบาลเมื่อไหร่จะยกเลิกเอง และผู้ที่กระทำจะต้องรับผิดชอบ เหมือนที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีโดนเรื่องจำนำข้าว ดังนั้น ครั้งนี้แม้จะแก้ไขหรือไม่แก้ไข พล.อ.ประยุทธ์ก็ต้องรับโทษ
 
    ด้าน นายวรวุฒิ  อุ่นใจ  รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวถึงกรณีรัฐบาล มีนโยบายให้ต่างชาติมีสิทธิ์ซื้อที่ดินได้ ว่า กฎกติกาที่ออกมาดูแล้วก็เห็นด้วยเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นที่เงินลงทุนของต่างชาติ 1ล้านเหรียญ แล้วมีสิทธิซื้อที่ดินได้ 1ไร่ อันนี้ถ้าเป็นตน จะกำหนดขั้นต่ำไว้สัก 2-3 ล้านเหรียญ เพราะคิดว่าถ้าต่างชาติจะมาซื้อที่ดินในไทย ควรจะมีมูลค่าการลงทุนมากกว่า มูลค่าที่ดินที่จะซื้อสัก 2-3 เท่า ถึงจะเหมาะสม

     นายวรวุฒิ กล่าวว่า เรื่องการซื้อที่ดินของต่างชาตินั้น ถ้ากำหนดเงื่อนไขเหมาะสม มันก็เป็นสิ่งที่นานาประเทศเขาก็ทำกันทั้งนั้น เพราะมันเป็นการดูดเงินลงทุน การจ้างงาน และจูงใจให้นักลงทุนที่มีเทคโนโลยี โนฮาวต่าง ๆ เข้ามาลงทุน และถ้ากำหนดเงื่อนไขลงทุนให้มีคนไทยถือหุ้นด้วย ก็ยิ่งดีใหญ่
   
  รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวด้วยว่า  บางทีการใช้หลักการหรือนโยบายเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แล้วไม่ได้ผล บางทีมันมีความซับซ้อนตรงเงื่อนไขประกอบการใช้อยู่ครับ ที่เรามักไม่พูดถึง ตัวอย่างเช่น ถ้าเราใช้เรื่อง KPI ในการวัดผลทีมหรือบุคคลในการทำงาน แต่เราไม่ใช้เรื่องการสร้าง team spirit เข้ามาเป็นนโยบายประกอบกัน รับรองครับ KPI ที่ใช้วัดผล จะเป็นตัวที่ทำให้ทะเลาะกันเละเทะทั้งหน่วยงานแน่นอน เพราะKPI ดีของหน่วยงานหนึ่ง บางทีมันไปสร้าง KPI ไม่ดีให้กับอีกหน่วยงานหนึ่งได้ ผมจึงย้ำเสมอว่า ถ้าทำเรื่อง KPI ในองค์กรต้องทำเรื่อง team spirit ควบคู่กันไปด้วยเสมอ ไม่งั้นการใช้ KPI วัดผลจะมี side effect ที่ส่งผลเสียจนหลายคนบอกว่า KPI คือตัวทำลายองค์กรและใช้ไม่ได้ผล

       เราอยู่ในโลกของการแข่งขัน ที่แต่ละประเทศต้องการเงินลงทุน เทคโนโลยีและมันสมองในการพัฒนาประเทศ ประเทศที่จะเจริญก้าวหน้าในโลกอนาคต คือประเทศที่ไม่กีดกันเชื้อชาติและคนคุณภาพเข้าประเทศครับ เราตั้งเงื่อนไขมาก นักลงทุนดี ๆ เค้าก็ไปลงทุนตั้งรกรากที่อื่นเพราะเค้ามีทางเลือก ยิ่งเรากีดกันเราจะได้แต่มาเฟียและมิจฉาชีพมาอยู่โดยใช้นอมินีซื้อที่ และใช้เงินซื้อข้าราชการไทยทำธุรกิจผิดกฎหมาย เรื่องนี้กลไกรัฐต้องดีพอครับ ถึงจะเวิร์ค แต่การจะบอกว่าสนับสนุนรัฐบาลในเรื่องนี้ ผมก็พูดไม่ได้เต็มปาก เพราะกังวลเรื่องการเอื้อประโยชน์พวกพ้องกลุ่มทุน และการทุจริตคอรัปชั่นทำให้ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการใช้สิทธิ์ซื้อที่ดินของชาวต่างชาติ นั่นจะทำให้นโยบายที่ดี กลายเป็นนโยบายไม่ดีไปได้ทันที 
   
  รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวต่อว่า ขอฝากฝ่ายที่คัดค้านเรื่องนี้ การใช้วาทกรรมว่ารัฐบาลขายชาตินั้น กรุณาใช้เหตุผลข้อมูล และศึกษานโยบายเรื่องนี้ที่สากลประเทศเขาใช้กัน และออกมาให้ข้อมูลความรู้กับประชาชน ดีกว่าที่จะสร้างวาทกรรมรัฐบาลขายชาติ ให้ประชาชนเกลียดชังรัฐบาลโดยขาดความรู้ความเข้าใจ ประเทศเรา บอบช้ำมากพอแล้วจากอารมณ์เกลียดชังกัน เพราะเราขาดการให้ความรู้ข้อมูลจากผู้มีเหตุผลและมีวุฒิภาวะ ในการให้ความรู้ประชาชน แต่การทำงานการเมืองมุ่งแต่เอาชนะและสร้างอารมณ์เกลียดชังกันในกลุ่มประชาชน แบบนี้ประเทศเรามันไม่ก้าวหน้าไปได้