บุรีรัมย์​ หนุ่มคลั่งทำร้ายแม่​ จุดไฟเผาบ้านวอด​ ถือฉากเหล็กเดินผ่านหน้าศูนย์เด็กทำเอา จนท.ผวา​ ต้องล็อกประตูหวั่นเหตุซ้ำรอย

เกิดเหตุหนุ่มคลั่งใช้ฉากเหล็กตีหัวแม่เลือดอาบ จุดไฟเผาบ้านวอดทั้งหลัง  และเดินป้วนเปี้ยนหน้าศูนย์เด็กที่ลูกชายวัย 3 ขวบเรียนอยู่  ทำเอาครู และ จนท.ผวาต้องล็อกประตูไว้หวั่นเหตุซ้ำรอยหนองบัวลำภู    ตร.นำกำลังเข้าล็อกตัวทันทีตรวจพบฉี่ม่วงแม่เผยลูกเสพยาบ้าจนเพี้ยน   

เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. (2 พ.ย.65)  พ.ต.ท.จินะวิน   เรืองบุญ   สารวัตร (สอบสวน) สภ.โนนสุวรรณ  จ.บุรีรัมย์  ได้รับแจ้งมีเหตุชายคลุ้มคลั่งทำร้ายร่างกายแม่ตัวเอง  และจุดไฟเผาบ้านได้รับความเสียหายเกือบทั้งหลัง  ทั้งยังถือฉากเหล็กเดินป้วนเปี้ยนหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลโนนสุวรรณ  สร้างความหวาดผวาให้กับครูพี่เลี้ยง   และเจ้าหน้าที่ภายในศูนย์เด็ก  จึงได้ล็อกประตูเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ชายที่คลุ้มคลั่งเข้าไปภายในศูนย์เด็ก     จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ  ก่อนจะเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ   พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน  

   เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบเพลิงกำลังลุกไหม้บ้านเลขที่ 217 หมู่ 2 บ้านหนองหญ้าปล้อง ต.โกรกแก้ว  อ.โนนสุวรรณ  ได้รับความเสียหายเกือบทั้งหลัง  ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ฉีดน้ำสกัดเพลิงสงบแล้ว  และพบ น.ส.สุภาพร   (สงวนนามสกุล)​  อายุ 45 ปี เจ้าของบ้าน ยืนอยู่ในสภาพที่มีแผลบริเวณศรีษะ    จากการสอบถาม น.ส.สุพาพร  ก็ให้ข้อมูลว่า   ผู้ก่อเหตุทำร้ายตนเองและจุดไฟเผาบ้าน คือ นายกองพล   หรือหมิง  อายุ 30 ปี  เป็นลูกชายของตัวเอง    ซึ่งอาศัยอยู่บ้านคนละหลัง   เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบเก็บหลักฐานที่เกิดเหตุแล้วเสร็จ   ก็ได้เดินทางไปควบคุมตัวนายกองพล    ผู้ก่อเหตุขณะอาศัยอยู่ที่บ้านของตัวเอง  ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านแม่ประมาณ 500 เมตร   ก่อนจะควบคุมตัวไปที่ สภ.โนนสุวรรณ  

จากการสอบถามนายกองพล     ผู้ก่อเหตุ   เบื้องต้นอ้างว่าที่จุดไฟเผาบ้านเพราะโมโหที่ไปทวงเงินจากแม่ที่เคยยืมตนเองไป 3 -4 ปีที่แล้วแต่แม่ไม่ยอมคืนให้จึงจุดไฟเผาบ้าน   แต่พอถามว่าทำไมถึงทำร้ายแม่นายหมิง   กลับบอกว่าไม่รู้  และยอมรับว่าตนเองเมาเพราะดื่มเหล้า   และเมื่อถามว่าเคยตีลูกมั๊ยนายหมิง  ก็บอกว่าแค่ตบหัวไปครั้งหนึ่งเท่านั้น   

ขณะที่ นางสาวสุภาพร  ผู้เป็นแม่    เล่าว่า  ก่อนเกิดเหตุเห็นลูกชายเดินมาที่บ้านท่าทางเหมือนเมา โดยในมือถือเกียงฉาบปูน  อีกข้างถือกระเบื้องแตก  มากระชากแขนหลานซึ่งเป็นลูกชายเขาเองวัย 3 ขวบ  ตนนั่งล้างจานอยู่จึงตะโกนบอกไปว่า   อย่าไปทำนะนั่นลูกมึง  จากนั้นตนก็วิ่งเข้าไปกอดหลานซึ่งร้องไห้ด้วยความตกใจกลัว    ตนจึงบอกให้ยายอีกคนมาเอาหลานไปเพราะกลัวเขาจะทำร้ายลูกตัวเอง   จากนั้นนายหมิง ลูกชายก็หันมาทำร้ายตนเองด้วยการใช้ฉากเหล็กตีหัวแม่จนแตกเลือดอาบ   ตนจึงเดินไปโรงพักซึ่งอยู่ห่างจากบ้านประมาณ 500 เมตร ในสภาพที่เลือดไหลอาบเพื่อไปแจ้งตำรวจให้มาช่วยจับลูกชายเพราะคิดว่าเขาน่าจะเมายาแล้วคลุ้มคลั่ง   ตำรวจเห็นตนเลือดไหนจึงบอกให้รีบไปหาหมอก่อน   ตนจึงไปทำแผลที่ รพ.แล้วกลับมาแจ้งความที่โรงพัก   แต่ขณะกำลังแจ้งความอยู่ที่โรงพักก็มีคนโทรไปบอกว่าไฟไหม้บ้านตอนแรกคิดว่าไหม้บ้านคนอื่น   พอเขาบอกว่าเป็นบ้านของตัวเองก็ตกใจรีบเดินทางกลับมาบ้านก็มาเห็นบ้านถูกไฟไหม้เสียหายเกือบหมดแล้วก็เสียใจไม่คิดว่าลูกชายจะทำแบบนี้ 

แม่ยังยอมรับว่า  ลูกชายมีประวัติติดยาเสพติด เคยถูกจับมาแล้วครั้งหนึ่งเพราะเสพกัญชา  พอออกมาก็ยังมายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก   แล้วเวลาหลอนหรือคลุ้มคลั่งก็จะชอบข่มขู่และทำร้ายร่างกายคนในบ้าน  แม้แต่ลูกเขาเองวัย 3 ขวบเขายังตีแต่ยังดีที่ไม่ได้รุนแรงมาก   แต่ครั้งนี้ลูกทั้งทำร้ายร่างกายและจุดไฟเผาบ้าน   ตนเองก็รับไม่ได้ยืนยันว่าจะแจ้งความเอาผิดลูกชายตัวเองก็เพราะมันสุดจะทนแล้ว  หากปล่อยไว้ก็อาจจะก่อเหตุรุนแรงกว่านี้ 

ทางด้าน พ.ต.อ.วิศิษฏ์ บัวสง่าวงศ์ ผกก.สภ.โนนสุวรรณ  ได้กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วยตัวเองว่า  พฤติการณ์เบื้องต้นของผู้ก่อเหตุคือมีเรื่องทะเลาะกับแม่  ซึ่งปัจจุบันผู้ก่อเหตุกับแม่อาศัยอยู่บ้านคนละหลัง   โดยที่หลานซึ่งเป็นลูกของผู้ก่อเหตุได้มาอาศัยอยู่กับแม่ด้วย     โดยก่อนจะเกิดเหตุลูกชายจะไปรับลูกจากบ้านแม่เพื่อไปอยู่ที่บ้านเขาเอง   แต่แม่ไม่ยอมให้หลานไปกับลูกชายด้วย  จึงเกิดมีปากเสียงทะเลาะกันแล้วจากนั้นลูกชายก็ทำร้ายร่างกายแม่ด้วยการใช้เกรียงฉาบปูนตีหัวแม่จนแตก  ซึ่งหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งก็นำกำลังเข้าควบคุมตัวผู้ก่อเหตุทันที    ส่วนที่มีการแจ้งข้อมูลว่าผู้ก่อเหตุไปเดินป้วนเปี้ยนแถวหน้าศูนย์เด็กนั้น  จากการตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเพียงการเดินผ่านหน้าศูนย์เด็กเท่านั้น   เพราะบ้านของผู้ก่อเหตุอยู่ไม่ห่างจากศูนย์เด็กฯ    ไม่ได้มีการก่อเหตุอะไรที่ศูนย์เด็ก    แต่เจ้าหน้าที่ก็ได้ปิดล็อกประตูเอาไว้เพื่อความปลอดภัย

เบื้องต้นได้แจ้ง 2 ข้อหา “วางเพลิง และทำร้ายร่างกายบุพการี”