จากกรณีมีการเผยแพร่ภาพ ผู้โดยสารปริมาณหนาแน่นมากบริเวณจุดรอเข้ารับการตรวจหนังสือเดินทางขาเข้า ด่าน ตม.สนามบินสุวรรณภูมิ โดยขึ้นหัวว่า "สุวรรณภูมิแตก นักท่องเที่ยวแห่เข้าไทย" และวิจารณ์ว่า เป็นภาพสถานการณ์ที่ไม่เคยปรากฏมานานนับแต่สถานการณ์โควิดระบาดรุนแรงเกือบ 3 ปี ตามที่ข่าวเสนอไปแล้วนั้น
วันที่ 1 พ.ย.65 ที่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองพล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ศท.ตม./โฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวว่า ภาพดังกล่าวเป็นภาพผู้โดยสารที่กำลังรอรับการตรวจหนังสือเดินทางที่ ขาเข้า ด่าน ตม.สนามบินสุวรรณภูมิจริง โดยได้รับข้อมูลจาก ตม.ขาเข้า ว่า เหตุดังกล่าว เป็นสถานการณ์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 ต.ค.65 ช่วงเวลา 13.00 – 17.00 น. ซึ่งมีเที่ยวบินลงถึง 76 เที่ยวบิน หรือ ชั่วโมงละประมาณ 20 เที่ยวบิน มีผู้โดยสารเฉลี่ยชั่วโมงละ 3,000 ถึง 4,000 คน หนาแน่นสุดคือช่วง 14.00 - 16.00 น.
โดยสถานการณ์ดังกล่าว ทาง พล.ต.ต.มนตรี ปานเจริญ ผบก.ตม.2 ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.หญิง รุ่งทิพย์ เข็มทอง ผกก.ฝ่าย ตม.ขาเข้า ฯ จัดกำลังพลรองรับสถานการณ์ดังกล่าวเต็มกำลังทุกช่องตรวจ จนสามารถระบายผู้โดยสารให้เข้ารับการตรวจเฉลี่ยอย่างช้าไม่เกิน 1 ชม.
ซึ่งทาง จนท.ตม.ใช้เวลาในการตรวจข้อมูลหนังสือเดินทาง ตรวจวีซ่า เก็บข้อมูลบุคคลด้วย Biometric และ เปรียบเทียบข้อมูล Blacklist ใช้เวลาเฉลี่ยไม่เกิน 45 วินาทีต่อคน ซึ่ง จนท.ตม.ต้องระมัดระวังบุคคลต่างชาติแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวเข้ามากระทำผิด โดยเฉพาะกลุ่มคอลเซนเตอร์ หรือ ก่อเหตุความวุ่นวายในช่วง APEC ที่จะถึงนี้
พล.ต.ต.เชิงรณ กล่าวยืนยันว่า พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม.ได้ให้ความสำคัญ กับการอำนวยความสะดวกในการตรวจหนังสือเดินทางภายใต้หลักความมั่นคง นับตั้งแต่รัฐบาลเปิดประเทศ เมื่อ 1 พ.ย.2564 ซึ่งทาง บก.ตม.2 ในฐานะที่รับผิดชอบ ด่าน ตม.สนามบินหลัก ได้มีมาตรการรับสถานการณ์ที่สำคัญ ได้แก่
1. จัดกำลังพลรองรับผู้โดยสารในชั่วโมงหนาแน่น ให้นั่งเต็มทุกช่องตรวจ โดยทาง การท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ( AOT )ได้ช่วยสนับสนุนการจัดสร้างการขยายช่องตรวจจากเดิม 92 ช่อง เป็น 119 ช่องตรวจ โดยมีการเสริมกำลังพลที่ขาดแคลน นับแต่ 2 พ.ย.2565 ซึ่งคาดว่า จะสามารถตรวจอนุญาตผู้โดยสารได้ราว 6,500 คนต่อชั่วโมง โดยไม่กระทบความมั่นคง
2. ขอรับการสนับสนุนจาก การท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ( AOT ) ช่วยจัด พนักงานผู้ช่วย Airport help ช่วยแนะนำ จัดแถวผู้โดยสาร พร้อมกับเตรียมจัดเรียงเอกสารพร้อมรับการตรวจ
สำหรับมาตรการต่างๆนี้ เป็นไปตามข้อกำชับ และนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ที่สั่งการให้ สตม.พร้อมสนับสนุนการลงทุนและการท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อเร่งฟื้นเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาลต่อไป โดยปัจจุบันมีคนต่างชาติเดินทางเข้าประเทศทั้งทางอากาศและทางบก เฉลี่ยวันละประมาณ 45,000-50,000 คน และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ถือเป็นสัญญาณทางเศรษฐกิจที่ดีของประเทศไทย หลังสถานการณ์โควิด