เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจังหวัดชายแดนใต้ เข้าปิดล้อมบ้านพักต้องสงสัยพื้นที่ อ.เทพา จ.สงขลา รอยต่อกับ จ.ปัตตานี ก่อนมีการเจรจา และเกิดการยิงปะทะกันขึ้น ตำรวจเจ็บ 2 นาย และคนร้ายเสียชีวิต 1 ราย กำลังเคลียร์พื้นที่ และตรวจสอบตัวบุคคลว่าคือ นายอดุลย์ ซึ่งเป็น กลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่อำเภอชายแดนสงขลาและใกล้เคียงหรือไม่ พร้อมเตือนทุกหน่วยเฝ้าระวังการตอบโต้
วันที่ 25 ต.ค. 65 เวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า สถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทางเจ้าหน้าที่ชุด สืบสวนคดีความมั่นคงและคดีพิเศษ ร่วมกับชุด นปพ.ร่วมปัตตานี เจ้าหน้าที่ ฉก.ตชด.43 รวมทั้งทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และฝ่ายความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง สนธิกำลังเข้าปิดล้อมบ้านพักต้องสงสัยหลังหนึ่งในพื้นที่ ม.7 บ้านควนติหมุน ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา ห่างจากถนนสาย เทพา-ปัตตานี เข้าไปราว 1 กิโลเมตร
หลังจากได้รับการแจ้งเบาะแสว่า บ้านหลังนี้มีคนแปลกหน้าเข้ามาพักพิง และหวั่นที่จะเกิดความไม่ปลอดภัย หรืออาจจะเป็นกลุ่มแนวร่วมก่อความไม่สงบ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้สนธิกำลังกันเข้าปิดล้อม เพื่อตรวจสอบ และบังคับใช้กฎหมายตามขั้นตอน แต่ปรากฏว่า ในช่วงการปิดล้อม และการเจรจาทางเจ้าหน้าที่ และผู้นำศาสนา ผู้นำท้องที่ อยู่นั้นคนในบ้านที่คาดว่า เป็นคนร้าย อาจจะไหวตัวทัน และพยามวิ่งหนีออกมาจากบ้าน และใช้อาวุธปืนยิงใส่มาทางฝั่งของเจ้าหน้าที่ จนเกิดการยิงปะทะกันเกิดขึ้นครู่หนึ่ง
เบื้องต้นเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นเรศวร 261) ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย คือ ส.ต.อ.นำโชค สุวรรณ บาดเจ็บกระดูกหักบริเวณขาข้างขวา และกระสุนยังฝังอยู่ในขาขวา นำตัวส่งตัวโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (ม.อ.) อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา บาดเจ็บต้นขาขวา และ จ.ส.ต.อัมรินทร์ หนูโงน บาดเจ็บมีแผลถลอกบริเวรศีรษะด้านขวา และหัวปูดบวม นำส่งไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี
ส่วนฝ่ายตรงข้ามเสียชีวิต 1 ราย ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการปิดล้อม และเข้าเคลียร์พื้นที่อย่างละเอียด รวมทั้งตรวจสอบผู้เสียชีวิตว่า คือ นายอดุลย์ ซึ่งจะเป็นแนวร่วมกลุ่มก่อนความไม่สงบในพื้นที่อำเภอชายแดนจังหวัดสงขลา และใกล้เคียง หรือไม่ ยังมีการตามเบาะแสที่ได้รับแจ้งมาก่อนหน้านี้
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงยืนยันว่า ได้บังคับใช้กฎหมายตามขั้นตอน และแนวทางจากเบาไปหาหนักอย่างสันติวิธี เพื่อความปลอดภัยของทั้ง 2 ฝ่าย รวมถึงประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งแจ้งเตือนหน่วยที่เกี่ยวข้องเพิ่มความระมัดระวังการตอบโต้จากกกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่