หญิงไก่พร้อมทนายโป้ง เข้าพบตำรวจกองปราบ แจ้งความสามีหาย และนำเอกสารชี้แจงที่โดนลูกเมียเก่าร้องให้ตรวจสอบเรื่องหลอกลวงแต่งงานจดทะเบียนสมรส
วันที่ 25 ตุลาคม 2565 เวลา 09.00 น. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน กทม.
“ลินดา”หญิงไฮโซ หรือชื่อจริงน.ส.ศรัญญา อุปปาตะสันติ หรือ หญิงไก่ อายุ 65 ปี ประธาน บริษัทวังหิน เรสสิเดนซ์ จำกัด และ บริษัท เขาใหญ่ สวีท จำกัด พร้อมนายกิตติคุณ ต้นยาง ทนายโป้ง พบ พงส.บก.ป.นำเอกสารหลักฐานชี้แจงความบริสุทธิ์ ต่อ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม
กรณีนายศุภโชค ลูกเสี่ยสุรชัย สามี อาชีพเป็นทนายความและนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนสมรสกัน ร้องใก้กองปราบ ตรวจสอบพฤติการณ์การแต่งงานจดทะเบียนกัน ว่ากำลังถูกกลุ่มบุคคล ที่คาดว่าเป็นขบวนการเข้ามาหลอกลวงก่อนจะโอนทรัพย์สินไปรวม 50 ล้านบาท
นายเกียรติคุณ ทนายความ ยืนยันเรื่องที่ครอบครัวนายสุรชัยมาร้องเรียนไม่เป็นความจริง พร้อมเรียกร้องให้นายสุรชัย สามีของพี่ไก่ออกมาแสดงตัว เพื่อบอกเล่าข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นโดยขณะนี้พี่ไก่ ยังไม่มีความคิดที่จะแจ้งความดำเนินคดีกับคู่กรณี และขอให้สังคมพิจารณาด้วยว่าใครผิดใครถูก และอย่าอคติกับพี่ไก่ แม้ที่ผ่านมาในอดีตพี่ไก่จะเคยมีคดีความต่างๆเกิดขึ้นหลายคดีแต่ศาลก็พิพากษายกฟ้องไปแล้วขอสังคมให้โอกาส ในฐานะที่เป็นภรรยาที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฏหมาย
ส่วนประเด็นที่นักกฎหมายหลายคนออกมาแสดงความคิดเห็นว่าการการจดทะเบียนสมรสใหม่ ตามข้อกฎหมายบอกว่าจะต้องผ่านไป 310 วัน หลังจากมีการหย่าร้างมองว่าการจดทะเบียนเกิดขึ้นที่ อำเภอพรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร โดยนายทะเบียนซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องมีการพิจารณา ความถูกต้องแล้วถึงให้จดทะเบียนให้
ส่วนเรื่องลูกชายนายสุรชัยสงสัยอ้างว่า หลังจดทะเบียน บิดามีการนำทรัพย์สินไปขายทอดตลาดในราคาต่ำกว่าเกณฑ์ โดยมีพี่ไก่อยู่เบื้องหลังนั้น เห็นว่าการขายอสังหาริมทรัพย์มีราคาตามเกณฑ์ ปกติและโอนทรัพย์สินต่างๆ นั้น ก็ขอให้เป็นเรื่องของคนสองคนที่ตกลงกันซึ่งทั้งสองคนก็เป็นบุคคลที่บรรลุนิติภาวะกันแล้ว
ทั้งนี้การมาพบเจ้าหน้าที่ในวันนี้ หญิงไก่ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน และมีน้ำตาคลอตลอดเวลาระหว่างที่ทนายความให้สัมภาษณ์ สื่อ ซึ่งทนายความเปิดเผยว่าพี่ไก่ยังเสียใจ ที่สังคมและสื่อบางช่อง ไม่ให้ความเป็นธรรม
ภายหลังพบพนักงานสอบสวน บก.ป.แล้ว หญิงไก่ เริ่มอารมณ์ดีขึ้น ยอมให้สัมภาษณ์สื่อฯ ก่อนเดินทางกลับ ว่า
วันนี้ตนไม่อยากจะพูดอะไรเยอะ เพราะสื่อฯ บางสื่อทำให้เสียใจ วันนี้จึงแต่งชุดดำมาเพื่อไว้ทุกข์ให้สื่อบางสื่อ แต่ถ้าที่ลงไปแล้วทำร้ายจิตใจเราก็ขอให้ลบเสีย ตนก็จะไม่ฟ้อง
ข่าวเก่าๆ เป็นข่าวไม่จริง ไม่ควรเอาออกมาเขียนโยง คดีก็สิ้นสุดและยกฟ้องไปแล้ว ทนายบอกให้ตนพูดนิดหน่อย จึงต้องมาพูด จริงๆ วันนี้ตนขอไว้ทุกข์สื่อฯ และหลังเสร็จเรื่องนี้แล้วจะโกนผมขอบวชตลอดชีวิต
ตนเสียใจมาก ทำดีมาตลอด เที่ยวที่แล้วเราก็ไม่ไปฟ้องกลับใคร แต่ทำไมสื่อทำร้ายเราด้วยการขุดคุ้ยเรื่องเก่าๆ ที่ไม่เป็นความจริงเอามาออกมำลายเราเพื่ออะไร ตนรู้สึกเสียใจมาก หมายถึงสื่อนะ ไม่ใช่ตัวนักข่าวๆ แต่ละคนน่ารักมากเลย
เรื่องเก่าๆ ที่ผ่านไปแล้ว ที่คนแสดงความเห็นไว้เราไม่คิดอะไร เพราะเราไม่อยากไปแก้ไข แล้วแต่ความคิดแต่ละบุคคล คนคิดกับเราดีก็ออกมาดี คนคิดไม่ดีก็จะออกมาไม่ดี แต่เที่ยวนี้ตนถูกรังแก ครั้งหนึ่ง สองครั้ง สามครั้งก็ยังรังแกตนก็ไม่ออกมาตอบโต้
เช่นกรณีคุณสุรชัย ลูกแจ้งความเมื่อวันที่ 21 ตค. บอกว่าคุณพ่อผิดปกติ แต่ต่อมาเมื่อคืนลูกอีกคนมาบอกว่าคุณพ่อสบายดี สรุปแล้วคืออะไรตนงง ถ้าคุณพ่อสบายดีแล้วมาออกสื่อทำไม ถ้าคุณสุรชัยติดใจก็ขอให้มาที่กองปราบเลย จะได้รู้ว่าใครผิด ว่ากันไปตามกฎหมาย
ถ้าคุณพ่อยังสบายดีก็ดีใจและคิดถึงด้วย วันนี้ตนได้ให้หลักฐานไปกับพนักงานสอบสวนไปเยอะพอสมควร ถ้าจะสอบเพื่มเติมเราก็ยินดี แต่ขอยืนยันว่าที่บอกส่าไม่เคยขู่ ทำร้ายจิตใจเราเลยนั้น เรามีเอกสารทั้งหมดจริง การที่ตนเก็บรายละเอียดข้อมูลหลักฐานเอาไว้นั้น ทำตามที่คุณสุรชัยสอน เพราะตัวคุณสุรชัยเองคงจะรู้ดีว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น
ตั้งแต่คุณพ่อหายไปเราก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะเป็นทรัพย์สินคุณพ่อ เราเองอยู่สุขสบายมีกินมีใช้ไม่จำเป็นต้องไปเอาของใคร นอกจากบางสิ่งบางอย่างที่เราเสียไปหรือเสียหาย หรือขอเราแต่งงานหรือให้ทรัพย์สินอันนี้เป็นความรักของแก